” โอกาสไม่บ่อยนัก ที่เราจะได้ไปพักผ่อนที่ทะเลแบบจริงจัง การไปเกาะช้างรอบนี้ เป็นครั้งที่สามในชีวิตของเราแล้ว เพราะภาพของน้ำสีเขียวมรกตที่เราเคยเห็นตอนยังเด็ก มันยังคงตรึงอยู่ในใจ แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันต่างออกไปจากครั้งก่อน เพราะเราได้มีโอกาส มาที่นี่พร้อมกับสมาชิกใหม่ของครอบครัว คือหลานน้อยๆสองคนนั่นเอง “
เกาะช้างตั้งอยู่ที่จังหวัด ตราด เชื่อว่าหลายคนคงเคยมาพักผ่อนที่นี่กันบ้างแล้ว ทะเลฝั่งอ่าวไทยมีสีมรกตที่สวยงาม แตกต่างจากทะเลฝั่งอันดามัน มีเม็ดทรายสีขาวเนียนละเอียด คล้ายๆเกาะหมาก เกาะกูดที่เราเคยรีวิวไปเมื่อหลายเดือนก่อน ลักษณะไม่ต่างกันมาก เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลกัน หลังจากที่เรากดหาข้อมูลว่าที่เกาะช้างมีแหล่งท่องเที่ยวตรงไหนบ้าง พร้อมกับการวางแพลนที่จะเกิดขึ้นภายในสามวันเรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินทาง…
เราเดินทางด้วยรถส่วนตัว ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงจากกรุงเทพจนถึงอ่าวธรรมชาติ และ 1 ชั่วโมงสำหรับการข้ามเกาะและขับรถเข้าที่พัก
วันนี้เรามาพักที่ AWA RESORT KOHCHANG ตั้งอยู่ที่หาดไก่แบ้ แค่เดินเข้ามาก็ประทับใจกับสถาปัตยกรรมและการตกแต่งสไตล์โอเรียนทัลเป็นอย่างมาก ทุกอย่างดูลงตัว ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่ค่อยถ่ายรูปโรงแรมหรือที่พักลงในรีวิว แต่โรงแรมนี้ ทำให้เราชอบการตกแต่งมากจริงๆ
เราพักห้องที่มีเตียงขนาด 5 ฟุตสองเตียง เพียงพอกับเราและครอบครัวพี่สาว ด้วยความใส่ใจทางโรงแรมได้นำเตียงสำหรับเด็กมารองรับเราด้วย ประทับใจมากๆ
ราว 6 โมงเราก็ลงมาเพื่อเตรียมตัวทานอาหารเย็น และวันนี้ทางโรงแรมก็มีโปรแกรมอาหารเย็นคือบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างทะเล เวลานัดของเราคือ 6 โมงครึ่ง ตอนนี้มีเวลาเหลือเราก็เดินถ่ายรูปเล่นไปก่อน พอถึงเวลามื้ออาหาร เราก็ต้องตกใจ ในความอลังการของอาหารทะเล ที่อัดมาอยู่ในจานเดียว สุดท้ายเราเกือบกินกันไม่หมดเพราะมันเยอะมากจริงๆ เมื่อเรียบร้อยเราก็เตรียมตัวพักผ่อนให้พร้อมสำหรับการดำน้ำในวันพรุ่งนี้
เช้าวันที่สอง
แสงแรกของเช้าวันนี้เราถือว่าเป็น Signature Light เลย เพราะแสงที่ส่องพาดมามันสวยมาก ลอดผ่านช่องประตูเกิดเป็นเงาที่สวยแบบแปลกๆ เราจึงแวะมาถ่ายรูปก่อนที่จะไปทานข้าวเช้าซะอีก เดินเล่นอยู่สักพักจัดแจงธุระ และเตรียมตัวไปดำน้ำตอนเวลาสิบโมงกับ Mr. Khai Tour
ทางโรงแรมมีโปรแกรมท่องเที่ยวหรือพักผ่อนให้เราเลือกเยอะมากมาย ทั้งการทำสปาที่โรงแรม ขี่ช้าง ดำน้ำ หรือเล่นน้ำตก แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเลย เราเองเลือกที่จะไปดำน้ำ แต่ครอบครัวของพี่สาวก็ต้องอดไป เพราะหลานยังเล็กอยู่มาก จึงทำให้ตัวเลือกของพวกเค้า เหลือแค่การไปเล่นน้ำตรงหาดที่โรงแรม หรือไปขี่ช้างแค่นั้นเอง
เราก็เริ่มออกเดินทางไปยังท่าเรือ น่าแปลกที่วันนี้คนบนเรือของเราไม่มีคนไทยเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนกับรัสเซีย ไม่เป็นไร ยิ้มสู้ ฮ่าๆ แล้วเราก็ไปที่เกาะแรกคือเกาะเหลายา วันนี้ตอนนั่งเรือมา ไต๋ (ไต๋คือคนขับเรือ) ก็บอกว่าลมแรงมาก อาจจะทำให้ทรายที่อยู่ใต้ทะเล ถูกพัดขึ้นมาจนน้ำขุ่น แล้วคนที่ต้องดำน้ำแบบเรา คงมองอะไรไม่เห็นแน่ๆ ในใจเราคิดว่า ไม่น่าจะขนาดนั้นมั้งงง สุดท้าย พอลงจากเรือมาก็ โอเค… ไม่เห็นอะไรเลย 55 คงต้องฝากชีวิตไว้ที่เกาะถัดไป แต่เกาะเหลายานี้ ก็มีความดีงามคือหาดทรายขาวและน้ำใสมาก เล่นน้ำได้สักพักเราก็เตรียมตัวขึ้นเรือ เพื่อเดินทางไปเกาะหวาย ที่ไต๋บอกว่า ปะการังและปลาเยอะกว่ามาก
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเราก็ถึงเกาะหวาย โชคร้ายของเราจริงๆ ที่แม้กระทั่งการมาเกาะหวายก็ไม่ทำให้เราได้เห็นปะการังใต้น้ำอยู่ดี เพราะลมพัดทรายมาแรงมากๆ เราจึงไม่สามารถเก็บภาพดีดีได้เท่าไหร่ เลยแอบมีความคิดว่าอาจจะหาเวลากลับมาคราวหน้า เพื่อแก้ตัว
โปรแกรมสุดท้ายของ Mr.Khai Tour วันนี้ นั่นคือการตกปลา เป็นโปรแกรมเดียวที่เราขอไม่ร่วมด้วย เพราะใจไม่กล้าพอ ทุกคนก็ดูสนุกสนานกับการตกปลา เราก็ได้แต่เก็บภาพ แต่ไม่ได้ตกทิ้งตกขว้างนะคะ เพราะตกเสร็จเค้าก็ทอดกินกันสดๆตรงนั้นเลย
จนถึงเวลาที่เราจะได้กลับที่พัก ไต๋เลยบอกว่าเดี๋ยวมีเกาะนึงที่เป็นทางผ่านก่อนถึงท่าเรือ มีลิงอยู่เต็มทั้งเกาะ จะพาไปดูและโยนเศษผลไม้ให้ พอไปถึงเราก็เห็นลิงหลายตัวยืนรออยู่แล้ว พร้อมเศษผลไม้ที่แห้ง เป็นหลักฐานว่าพวกเค้าคงพานักท่องเที่ยวมาให้อาหารลิงบ่อย ๆ
ราวๆหกโมงเย็น เราก็มาถึงที่พัก พร้อมกับแสงสุดท้ายของวัน วันนี้พระอาทิตย์ตกสวยมาก เรามีนัดทานอาหารเย็นกับครอบประมาณ 1 ทุ่ม ดูแล้วเวลายังเหลือ เราจึงใช้เวลาส่วนนี้กับหลานๆ นอนเล่น พักผ่อน และเตรียมตัวทานอาหารเย็น และคงเพราะวันนี้เราบุกตะลุยมาเยอะมาก ทำให้เราอ่อนเพลียและหลับด้วยความรวดเร็ว
เช้าวันที่สามเป็นวันที่เราต้องเตรียมตัวเดินทางกลับแล้ว เราจึงชาร์จพลังไปกับอาหารเช้าอย่างเต็มที่ และเดินเล่นเพื่อถ่ายภาพมุมต่างๆ ของโรงแรมที่เราชอบมาเก็บไว้ ก็พบว่ามีเยอะมาก ส่วนตัวเราชอบการตกแต่งของที่นี่ มีกลิ่นอายของหลาย ๆ ศิลปะรวมกัน เดินถ่ายรูปจนเพลินก็ได้เวลาเตรียมตัวกลับบ้าน
และเราก็ต้องบอกลาเกาะช้างไปพร้อมกับพลังที่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ มันอาจจะไม่ใช่ทริปที่หวือหวาเหมือนทริปก่อนๆ แต่มันก็ทำให้เราได้พักผ่อนจริงๆ บางทีการได้มาอยู่ในที่ดีๆ แล้วใช้เวลากับครอบครัว มีหลานๆที่น่ารัก ทำให้ที่เดิมที่เคยไป เกิดความรู้สึกใหม่ได้เหมือนกัน หากใครไม่ได้มีวันหยุดยาวมากนัก แนะนำให้ลองชวนครอบครัว มาใช้เวลาร่วมกัน บางทีมันอาจจะมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นไว้ให้คุณพูดถึงไปอีกนานเลยหละ
สุดท้ายแล้วอยากฝากรูปตัวเล็กผู้ที่อยู่กับเราตลอดทั้งทริป เป็นสีสันและความปวดหัวให้แก่เรา กับคอลเลคชันเสื้อผ้าที่ขนมาเกินคำว่าสามวันมากๆ จริงจังแค่ไหนก็ถามแม่เค้าดู 5555 อย่าลืมไปใช้เวลากับครอบครัวกันนะคะ
…Till next time….