“The sun shines down.
Pink flowers glow softly.
A gentle breeze rustles the leaves.
Birds flutter about the branches.
A young girl sits below it.
Relaxing in the shade.
The Sweet small of cherry blossom fills the air.”-Kylee Bartz
การเดินทางครั้งนี้เป็นการมาไต้หวันครั้งแรกของเรา เราเลือกเดินทางมากับสายการบิน Nok Scoot ด้วยเครื่องบินลำใหญ่ Boeing 777-200 ที่บินตรงจากดอนเมือง-ไทเป ไฟลท์ดึกๆหน่อยของทุกคืน โดยรอบนี้เรามีโอกาสได้นั่งด้านหน้าสุด เบาะใหญ่ เหยียดขาสบาย เราจึงสามารถนอนเก็บแรงบนเครื่องได้อย่างเต็มที่ และมีแรงออกเดินทางทันทีเมื่อเริ่มเช้าวันใหม่
“武陵農場, Wuling Farm”
ซากุระ ; Cherry blossom 櫻花 หมายถึง การเริ่มต้นผลิบาน ช่างเหมาะเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นที่สวยงาม ในช่วงเวลาของปีใหม่เสียจริง
เราเดินทางออกจากไทเป เป็นเวลายาวนานถึง 4 ชั่วโมง
ผ่านเส้นทางที่คดโค้ง และระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยหมอก
ไอสีขาวคลุมถนน จนแทบมองไม่เห็นข้างทาง
ทำให้หัวใจยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม คอยวาดภาพของจุดหมายว่าจะเป็นอย่างไร
และเมื่อการนั่งรถที่ยาวนานนี้สิ้นสุดลง Wuling Farm ก็ตอนรับด้วยกลิ่นอ่อนๆ ของซากุระที่ลอยมาตามลม
ดอกไม้สีชมพูตัดกับท้องฟ้า ของจริงนั้นชวนหลงไหลกว่าในรูปที่เราเคยเห็นมาเป็นไหนๆ
“Because when you stop and look around.
This life is pretty amazing.”
Wuling Farm เป็นฟาร์มซากุระที่สวยที่สุดในไต้หวัน เต็มไปด้วยซากุระหลากหลายสายพันธุ์ ถ้าใครไม่อยากต้องเบียดเสียดในการชมซากุระที่ญี่ปุ่น ไต้หวันก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีมากๆ โดยเฉพาะที่นี่จะปลูกซากุระหลากหลายสายพันธุ์สลับกันไป ทำให้เราสามารถชื่นชมดอกซากุระได้ตลอดทั้งปี ที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นฤดูกาลของซากุระ ที่ซากุระทั้งภูเขาจะบานพร้อมกันจนกลายเป็นหุบเขาสีชมพู ซึ่งมีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
การเดินทางมา Wuling Farm ทำได้โดยการนั่งรถบัสแบบที่เรานั่งมา ใช้เวลาไป-กลับ รอบละ 4 ชั่วโมง ราคาตั๋วจะอยู่ที่ 730 TWD สถานที่ซื้อตั๋ว คือ Bus Station อยู่ข้างหลัง Taipei Main Station มีรอบเวลากลับหลายรอบ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกได้เลย
ลำธารที่ไหลเอื่อยขนาบข้างไปกับแถบฟาร์มซากุระ ไม่แน่ใจในชื่อเรียกแต่ความสวยของมันก็ดึงดูดให้เราปีนลงไปยืนมองใกล้ๆ น้ำใสจนมองเห็นปลาว่ายไปมา เรายืนเพื่อจับจ้องภาพตรงหน้าอยู่สักพัก พยายามซับรายละเอียดนี้ให้มากเท่าที่สุด ความงามนี้ คงมีเพียงธรรมชาติเท่านั้นจริงๆ ที่จะสร้างสรรค์ได้
“Life is better
on the river.”
–
“Between our two lives
there’s also the life of the cherry blossom.”
-Matsuo Basho
“太魯閣, Taroko National Park”
Taroko ตั้งอยู่ที่เมือง Hualien เมืองที่มีธรรมชาติรายล้อม มีทั้งภูเขา ทะเล และน้ำตกสีเขียวมรกต อยู่ในบริเวณใกล้กัน มีลักษณะเป็นผาหินตลอดช่วง แม้แต่ทะเลยังมีหาดเป็นก้อนหิน มีอุโมงค์และสะพานเยอะแยะมากมาย ภูเขากว้างใหญ่ กว้างเสียจนใช้เวลาเที่ยววันเดียวก็ไม่หมด
บทสนทนาแสนพิเศษเกิดขึ้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจ (เราจะเขียนเพิ่มไว้ใน Letter to Luc)
การจะเข้าไป Taroko ต้องต่อรถบัสอีกสองต่อ แต่ตอนนั้นเราเลือกจะเช่ารถ Taxi แบบเหมาวันไป เพราะเรามีที่ที่อยากไป และมีที่ที่ไม่อยากแวะ การต้องไปตามโปรแกรมเวลาที่ถูกจัด อาจจะไม่โอเคสำหรับเราเท่าไหร่นัก เป็นความโชคดีที่เราสามารถหาคนหารค่ารถเพิ่มได้ จากที่ไปกันแค่สองคน ก็เสียค่ารถในจำนวน 4 คน แล้วเพื่อนใหม่ของเรา ก็เป็นหนุ่มชาวเกาหลีนั่นเอง
ข้อมูลการเดินทางไป Taroko เราจะเขียนไว้ด้านล่างสุดนะ
“清水斷崖, Qingshui”
Qingshui ; ความเทาๆ ที่เหมือนกับฝนฟ้าไม่ค่อยเป็นใจนัก, เมื่อนั่งรถออกจากสถานีมาประมาณ 45 นาที ก็ได้พบกับหาดทรายสีเทา ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า หากอยู่ในไทยเราอาจจะต้องนั่งเรือออกไปไกลเพื่อจะได้พบกับน้ำทะเลที่สีสวยขนาดนี้ แต่ที่นี่อยู่ติดกับหน้าผาข้างๆถนนเส้นหลักเลยแหละ
หาดแห่งนี้ไม่สามารถเดินลงไปได้ ไม่แน่ใจว่าแค่เฉพาะฤดูนี้หรือตลอดไป เพราะคลื่นลมแรงและเป็นทะเลที่ลึก ทำให้เราอดลงไปสัมผัสของจริง จึงได้แต่ยืนถ่ายรูปอยู่ด้านบน ลมแรง และฝนตกอยู่ตลอดเวลา มองจากตรงนี้มันก็สวยดีนะ
“太鲁阁, Shakadang Trail”
Shakadang Trail ; เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สวยที่สุดใน Taroko ผาหินตั้งอยู่เรียงรายในรูปทรงแปลกตา ความงามของน้ำสีเขียวเทวอคอยท์ตัดกับก้อนหินสีเทาได้อย่างลงตัว เรามีเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ แต่ก็เกือบทำเวลาไม่ทัน เพราะเรามัวแต่เก็บรายละเอียดของก้อนหินต่างๆ ราวกับมันเป็นสิ่งแปลกประหลาดจากโลกใบอื่น
ถือว่าเป็นอีกที่ ที่ทำให้เราประทับใจในความอลังการและแปลกตา บางจุดสวยงามมากแต่ไม่สามารถเก็บภาพไว้ได้ เพราะเค้ารักษาต้นไม้กันเป็นอย่างดี ทำให้อาจจะขึ้นระเกะระกะติดมาในกล้อง ไม่สามารถแก้ไขอะไร นอกเสียจากวางกล้องลงและดูมันด้วยตาเปล่า ระยะทางที่เราเดินมา ถือว่าเป็นแค่รูทสั้นๆ หากใครมีเวลาก็อยากให้เดินไปไกลๆ อาจจะเจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้
“สะพานที่เราจำชื่อไม่ได้”
สะพานเส้นนี้ตั้งอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง ที่หลายคนเดินผ่านเพื่อปีนไปตีระฆัง แต่เรากลับขลุกอยู่ตรงนี้ เดินไปเดินมา ชมวิวทิวทัศน์ด้านล่าง สะพานนี้ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเราเดินเร็วๆ เราจะไม่กลัว ฮ่าๆ
“七星潭, Qi Xing Tan”
หาดสีดำ ทำให้เรานึกถึงประเทศไอซแลนด์ จะเป็นไรไหมถ้าเราบอกว่าหาดที่นี่สวยพอๆกับที่นั่นเลยหละ ความเวิ้งว้าง ความดำของเม็ดทรายและก้อนหิน ทำให้เรารู้สึกวังเวงชอบกล ประกอบกับบนหาดนี้มีเพียงเรากับเพื่อนใหม่แค่สี่คนเท่านั้น เม็ดฝนและคลื่นลมแรง ทำให้เราไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เท่าไหร่ สีของน้ำเป็นสีฟ้ามรกต แม้ท้องฟ้าจะ
อึมครึมแค่ไหน ก็ไม่ทำให้น้ำสีสวยลดน้อยลงเลย

Letter To Luc ;
Dear Luc
How are you? I hope you’re doing great. Even if we have talked for a couple minutes,
but the loveliest and kindness of yours is still remain the friendship between us, and that imprinted in my heart. And if you’ve been seeing this letter I want you to know that you are the most sweet person that I’ve met. What a shame at a little time we has. But that makes our conversation become a beautiful memories.Thank you, I’m so great to meet you.
And I wish you have a happiness in everyday
enjoy the life and go through everyday with a beautiful mind as you are.Hopefully we will meet again.
And till that day come along,
I’ll keep on missing the wonderful friendship between us.
With love,
Marisa R.
#abovethemars
-Time to says good bye.-
” 臺北市, Taipei “
ไทเปครั้งแรกพร้อมกับฝนตกปรอยๆ กลิ่นชื้นๆจากละอองฝน เสียงหยดน้ำคลอไปกับเสียงเพลงของ Norah Jones มองไปเห็นตึกที่โดนฝนฉาบสีให้เข้มขึ้น แซมกับสีเขียวของต้นมอส บางตึกตกแต่งด้วยกระเบื้องเล็กๆ เรียงกันจนเป็นแพทเทินน่ารักๆ เมื่อความรู้สึกทั้งหมดมารวมกัน ทำให้เราคิดว่าไทเปเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย
ตลอดตามทางเราชอบหยุดถ่ายรูปตามซอกตึกต่างๆ ความชิดและความสูงของตึกมันทำให้เราแปลกตา ความธรรมดาของทุกคนกลับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของเรา แพทเทินของกระเบื้องถูกวางไว้อย่างตั้งใจ เราแอบคิดว่าเป็นเพราะเมืองมีฝนตกตลอดเวลาขนาดนี้ เลยทำให้เค้าไม่สามารถทาสีตึกได้ พอทาแล้วก็คงจะหลุดลอกได้ง่ายๆ จึงใช้กระเบื้องเล็กๆต่อกันซะเลย
I want to walk with you on a cloudy day
in fields where the yellow grass grows knee-high
So won’t you try to come.
come away with me and we’ll kiss
on a mountaintop
come away with me
and I’ll never stop loving you.
Patterns of Taipei
Cause I ain’t gonna stop the rain by complaining.
Because I’m free
Nothing’s bothering me.Raindrop Keep Falling on My Head – BJ Thomas
ไทเปเป็นเมืองที่ถูกคลุมไว้ด้วยฟิลเตอร์หม่นๆ ในวันแรกเราก็ไม่ชอบฝนตกเท่าไหร่นัก แต่พอเข้าวันที่ 4 ก็รู้ใจตัวเองละ ว่าเป็นคนชอบฝนตกประมาณนี้มาก รายละเอียดของอาคารในไทเป สวยงามในลักษณะของการทำซ้ำแบบมีระเบียบ ถ้าใครได้ไป อยากให้ลองสังเกตลักษณะของแพทเทินในประเทศของเค้าดู
Museum & Libraly ;
ไทเปมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับศิลปะให้เข้าชมเยอะแยะมากมาย ผู้คนก็ไม่ได้รีบร้อน ใช้ชีวิตไปแบบสบายๆ ทั้งๆที่ฝนก็ตก แต่ทุกคนดูจะคุ้นชิน และใช้ชีวิตอยู่กลางสายฝนราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา เราแอบหลงรักที่นี่อย่างเงียบๆ ในขณะเดินไปบนถนน มีหยาดฝนคอยพรมลงมาบนใบหน้า รอยยิ้มเดียวกันยังติดอยู่ที่มุมปากจนถึงตอนนี้
Green Libraly at Beitou Park ; ห้องสมุดกรีน ที่สวยติดอันดับโลก รูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนเรือดึงดูดสายตาเราไม่ยาก ภายในก็สวยงามแต่เราไม่สามารถถ่ายรูปไว้ได้ เราเดินทางจากไทเปออกมาเพียง 30 นาที มาลงที่สถานี Beitou ที่นี่ทำให้เราได้พบกับเมืองที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติ ต้นไม้เขียวขจี เมืองที่ลดหลั่นกันตามระดับพื้นดิน ทำให้ตึกดูสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่นานมากเราก็ตกหลุมรักเมืองนี้เข้าเต็มๆ และห้องสมุดสวยสมกับคำร่ำลือ
“臺北市立美術館| 首頁, Taipei Fine Art Museum”
Taipei Fine Art Museum ; พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป อย่างในครั้งนี้เกี่ยวกับภาพถ่ายของศิลปินชาวไต้หวัน เรียบง่ายและสวยงาม
“樹火紀念紙博物館, Suho Memorial Paper Museum”
Paper Museum ; พิพิธภัณฑ์กระดาษ เรามีความสงสัยเมื่อเพื่อนเอ่ยปากชวนให้ไปพิพิธภัณฑ์กระดาษ ว่ามันจะมีสิ่งน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน แต่ในเมื่อเรามาอยู่ที่นี่แล้วก็ยากจะปฏิเสธ เราฝ่าฝนมาลงกันที่ Zhongshan ลงจากบัสเราก็รีบวิ่งเข้าไปด้านใน
ที่นี่มีค่าเข้าคนละ 100 TWD ส่วนถ้าใครอยากทำ Workshop ก็เสียเพิ่มอีก 100 เราตัดสินใจทำเวิร์คช็อปด้วย เพื่อจะได้สมุดทำมือกลับมาบ้าน เวิร์คชอปของที่นี่จะประกอบด้วยการทำ Silk screen แบบเล็กๆ เพื่อนำไปประกอบในสมุด การปั๊มภาพ หรืออะไรต่างๆ รวมไปถึงการเย็บสมุดเอง มีวิธีการทำและจัดแสดงกระดาษแบบต่างๆ มีโซนที่นำกระดาษมาทำเป็นซุ้ม เพื่อเดินเข้าไปห้องนั่งสมาธิ
ที่แห่งนี้ทำให้เรารู้ว่าแค่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ชำนาญจนรู้จริงและเข้าใจ ก็สามารถทำให้สิ่งธรรมดาๆ พิเศษขึ้นได้ไม่ยาก
Coffee, Book and rain drops.
🙂
Fujin tree 33 cafe’ ; ร้านกาแฟที่เป็นเหมือนแหล่งเช็คอินและไม่ควรพลาด ถ้าใครได้มาถนนเส้นนี้ นั่นก็คือ Fujin Street ร้านตบแต่งด้วยบรรยากาศแบบอบอุ่น เราเลือกดื่มและทานกันอยู่หลายเมนู มีหลายคนที่แวะเวียนเข้ามามากหน้าหลายตา เป็นช่วงเวลาที่เรารอให้ฝนหยุดตก พร้อมกับนั่งดื่มชาร้อนในอากาศเย็นๆ สบายจริงๆ
Good studio cafe’ ; ร้านที่เราชอบที่สุดในการมาไทเปครั้งนี้ Good studio ตั้งอยู่ที่ Wenzhou Street คาเฟ่ที่ตกแต่งภายในร้านด้วยภาพอนาโตมีและพระจันทร์ จะเรียกว่าถูกจริตกับเรามากก็ว่าได้ ชอบแม้กระทั่งภาพโปสเตอร์ในห้องน้ำ ทุกอย่างดูเข้ากันไปหมด อีกอย่างโกโก้อร่อยมาก
Muiu inn Hostel ; มู่อี้ โฮสเทล ตั้งอยู่ใกล้ Taipei main Station ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมาก ผ้าห่มที่ฟูฟ่อง ทำให้เรานอนหลับสบายเต็มอิ่ม เราชอบบรรยากาศของการนอนเตียงชั้นสอง คืนสุดท้ายก่อนกลับเรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับเสียงฝนมาก เสียงเปาะแปะทำให้เรานอนหลับได้แบบไม่ยาก และตอนนี้เราก็คิดถึง Hostel นี้อีกแล้วสิ
Muiu inn เป็น Hostel ที่ค่อนข้างครบและสะดวกสบาย มีส่วนกลาง ห้องครัว ไวไฟ และห้องน้ำอยู่ในทุกชั้น รองรับคนที่เข้ามาพักได้อย่างเพียงพอ เสียดายที่รอบนี้เราใช้เวลากับ Hostel น้อยเกินไป ถ้ามาไทเปอีกคราวหน้า ยังไงก็มาพักที่นี่อีกแน่นอน
ขากลับเราก็เลือกเดินทางกับ Nok Scoot เช่นเคย แต่รอบนี้เราเลือกนั่ง ScootBiz ซึ่งเป็นชั้นธุรกิจของ Nok Scoot เราสามารถเลือกที่นั่งได้ฟรี และยังโหลดกระเป๋าได้มากถึง 30 โล ถ้าใครมีของฝากเยอะก็โหลดเพิ่มได้อีก 10 โล เป็น 40 โลเลยแหละ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้เรารู้สึกดีมากที่ได้พักผ่อนบนเครื่อง เราไม่ต้องรอต่อแถวยาวๆ ก็สามารถเช็คอินและเตรียมตัวขึ้นไปทานอาหารอร่อยๆบนเครื่องได้เลย ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง เราก็ถึงไทยเรียบร้อย
.ไต้หวันสะท้อนหลายอย่างในตัวเราออกมา เราเจอหลายเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ ฝนที่ตกจนทำให้เราแทบจะไปไหนไม่ได้ กล้องพังเอาในวันสุดท้าย เราสามารถผ่านมาได้ด้วยการเปิดใจยอมรับมัน บางครั้งเรายังได้เห็นความงามบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ในความแปลกและความแตกต่างเหล่านั้น สิ่งที่ไม่คาดคิด มิตรภาพที่งดงามบนรถไฟ หนุ่มเกาหลีแปลกหน้าที่เราต้องร่วมใช้เวลาอยู่บนรถทั้งวัน ธรรมชาติที่สวยงามแบบ มันเป็นอีกครั้งที่การไม่คาดหวังให้ผลตอบแทนเราด้วยการเดินทางที่ดี .
–
Some part in taipei by film cameraRAW ;











“We take photos as a return ticket to moment otherwise gone.”Till next time
ภาพสวยมากกกกกกก ใช้กล้องอะไรถ่ายหรอคะ งือออ
ชอบรูปทริปนี้ทั้งทริปเลยย
fuji xt 1 ค่า