Wonderfruit
‘From sunrise till sun down’
‘I am thankful for nights that tumed into momings, friends that tumed into family, and dreams that tumed into reality.’

“อาจพูดได้เลยว่านี่คือสถานที่แห่งเสรีชนขนาดย่อมๆ ที่ปล่อยกลิ่นอายของอิสระล่องลอยจนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเหมือนหรือแตกต่างด้วยกายภาพหรือความคิด เราต่างเปิดใจและเคารพสิทธิแด่เพื่อนที่ร่วมวันและคืนอันแสนสนุกนี้ ขอบคุณ Wonderfruit ที่ฝากความความทรงจำสุดวิเศษสมดังชื่อนี้ไว้ให้นึกถึง และจะตั้งตารอจนกว่าเวลาจะพาเราเวียนมาพบกันอีก”
เทศกาลสุดแสนพิเศษได้ผ่านไปแล้ว เป็นอีกเสียงที่ยืนยันว่า มันดีมากจริงๆ ในตอนแรกเราเคยเขียนเรื่อง Wonderfruit ไว้ก่อนจะได้ไป ยังจินตนาการภาพเอาไว้ได้ไม่มาก ว่ามันจะเจ๋งขนาดไหน จนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง
สำหรับงานวันเดอร์ฟรุ๊ต เราคิดว่างานนี้มันให้อะไรที่มากกว่าการเสพอรรถรสทางดนตรีจากศิลปินที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี แต่มันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผลักดันในเรื่อง ศิลปะ ดนตรี การใช้ชีวิต และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกคนที่มาร่วมงาน ต่างได้แบ่งปันประสบการณ์ และมีปฏิสัมพันธ์กับผลงานศิลปะมากมายที่ถูกจัดทำมาเพื่องานนี้
อาจจะไม่ได้เล่าเรื่องราวอะไรมากมาย เพราะมันค่อนข้างอิ่มในตัวของมันเอง วันนี้เลยขอเอาภาพบรรยากาศที่เราพูดถึงมาฝาก เผื่อว่าปลายปีนี้ เราจะได้พบกัน ณ มุมใดมุมหนึ่งที่ Wonderfruit
From sunrise
Good vibe only ;
ที่นี่ไม่เคยหลับไป ตั้งแต่กลางวันยาวไปจนถึงเวลากลางคืน แม้เราจะไม่ได้นอนพักภายในตัวงานแต่เราสามารถมาร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ กิจกรรมโยคะ การนอนพักแล้วมีฆ้องตีเป็นจังหวะกังวาล การปล่อยใจและรับพลังจากแสงแดด กลายเป็นภาพที่คุ้นตาตลอดสี่วัน
The Sharing Neighbourhood.
สถานที่ที่ใช้จัด Workshop และเป็นเหมือนแหล่งรวมกลุ่มเล็กๆ จากผู้ที่มีความสนใจเดียวกัน กิจกรรมต่างๆเกิดขึ้นมากมายในนี้ กิจกรรมแกะสลักไม้ การร้องรำทำเพลง การทำของเล็กๆน้อยๆ การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โชว์ไอเดียต่างๆ เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ ทำให้เราได้ปลดปล่อย เปิดโลกและเรียนรู้สิ่งต่างๆจากผู้อื่น ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลา เป็นคำตอบให้เราว่าผู้คนที่อยู่ ณ สถานที่นี้ เค้ามีความสุขจริงๆ
ที่นี่ยังประกอบไปด้วยเวทีหลายเวทีมากๆ เช่นหมอลำบัส ที่ยกเอารถทัวร์ทั้งคัน มาเป็นเวที ตรงนี้จะเปิดเพลงหมอลำทั้งวัน ซึ่งเป็นที่ถูกใจของทุกคน เพราะเราเดินผ่านทีไร คนก็เยอะขึ้นทุกที เซิ้งกันมันส์มาก และเวทีที่สวยที่สุดยามพระอาทิตย์ตก ก็คือเวที Solar Stage ซึ่งเป็นเวทีที่ครึกครื้นกว่าเวทีไหนๆ เราสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเวที โดยการปีนและเข้าไปอยู่ตามช่องต่างๆ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เพื่อนใหม่จากเวทีแห่งนี้ด้วยนะ
The forbidden fruit.
ที่ที่ตอนกลางวันและตอนกลางคืนต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราเข้ามาที่นี่ตอนกลางวัน เห็นเป็นแค่เบาะนอน ที่เปิดเพลงชิวๆ ความรู้สึกเหมือนฮาเร็ม แต่ตอนกลางคืนเพื่อนเอ่ยปากชวนให้เข้ามาในนี้ เราเข้ามาพร้อมความงงๆและต้องกรี๊ดไม่หยุดเพราะในนี้เป็นเหมือนคาบาเร่โชว์ ที่ดูสร้างสรรค์มาก เราได้เจอเจนิเฟอร์ โลเปซที่นี่ด้วยแหละ 555 (เหมือนมาก) และยังมีการแสดงต่างๆมากมาย เวียนกันมาเรื่อยๆ เปลี่ยนไปในแต่ละคืน
Till sun down.
รถคันนี้ จะเคลื่อนที่พาเราทัวร์ไปรอบๆงาน หรือจะพาหยุดตามเวทีหลักที่มีการแสดงอยู่ เรียกได้ว่าเต้นอยู่บนรถ
เสมือนมีฟลอส่วนตัวแบบนั้นเลย
TASTE OF WONDER & WONDER SALON
ที่ที่เราชอบมากที่สุด ที่นี่ถึงใครจะหน้าตาสุดแสนธรรมดามาจากไหน เข้าไปรับรองว่าออกมาเป็นคนละคนแน่ๆ ไม่ว่าจะเพนท์ตัว ถักเปีย เปลี่ยนเสื้อผ้า เฮนน่า หัวกากเพชร ที่นี่จัดให้ได้หมดเลย บางวันที่ขี้เกียจคิดทรงผม ก็ตื่นเร็วหน่อยแล้วมาให้เค้าถักเปียให้ ถ้ายังไม่เต็มพอ ก็ไปราดกากเพชรทั้งหัวเลย ไม่มีคำว่าเกินสำหรับที่นี่นะคะ มันคือเรื่องปกติมาก
FARM STAGE.
เวทีที่มีรูปร่างเหมือนปราสาทรวงข้าง เป็นผลงานการออกแบบและสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมการปลูกข้าวแบบดั้งเดิมของไทย ตอนกลางคืนยังถูกแต่งแต้มด้วยสีสันที่สาดส่องเข้าไป ทำให้เวทีสีเหลืองทอง กลายเป็นสีสันต่างๆนาๆ เราใช้เวลาจ้องเวทีนี้ตอนเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆนานมาก วิจารณ์ถึงสีสันของมันว่าชอบที่ไหนที่สุด กลายเป็นอีกกิจกรรมที่เราใช้เวลาไปกับเพื่อนนานเลย
THE RAINFOREST PAVILION.

MAIN STAGE
เวทีหลักที่ถูกประดับประดาให้เหมือนขนนกยูงอันใหญ่ เป็นเวทีที่มีศิลปินชั้นนำระดับโลกแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย เราได้พบกับศิลปินที่ตัวเองชอบมากมาย เหมือนถูกจับมารวมกันไว้ในงานนี้
โดยงานนี้ ในทุกๆปีจะจัดขึ้นเป็นเวลาสี่วันติด ไม่ต้องกลัวที่จะเบื่อหรือกลัวจะใช้ชีวิตลำบาก เพราะทุกอย่างมีพร้อมมาก ภายในงาน หลายคนอาจจะคิดว่าบัตรค่าเข้ามีราคาที่แพง แต่เมื่อเทียบดูกับสิ่งที่ได้รับ กิจกรรมต่างๆและศิลปินที่มาร่วมงาน เรากลับคิดว่ามันคุ้มมากเลย เราได้เจอบุคคลที่เราชื่นชม ได้ทำเวิร์คชอปที่เราชอบ ได้พบเพื่อนที่พูดคุยในเรื่องเดียวกัน พบคนแปลกหน้าที่ยิ้มให้กันตลอดเวลา เชื่อเถอะว่าเข้ามาในนี้ คุณจะพบอีกหนึ่งกลุ่มสังคมที่คุณต้องหลงรักมันอย่างแน่นอน
ขอบคุณเทศกาลดีๆ ซึ่งรวมเอาหลายสิ่งที่เราเคยนึก คิด และอยากให้มันเกิดขึ้น มารวมเอาไว้ในสถานที่เดียวกัน เต็มอิ่มมากจริงๆ
ตอนนี้ทาง Wonderfruit เปิดขายบัตรของปี 2017 แล้วนะคะ งานจะถูกจัดขึ้นในเดือน ธันวาคมของปีนี้ ยังไงรีบซื้อก่อน ราคาถูกกว่า มีตั๋วไว้อุ่นใจน้า