“Travel is not reward for working.
It’s education for living.”
อย่างที่เค้าพูดกันไว้
เราออกเดินทางเพื่อให้ชีวิตได้เรียนรู้
และใช้เวลาอันแสนสั้นที่เรามีนั้นอย่างคุ้มค่า
เราเองก็ค่อยๆเติบโตไปตามระยะทางที่ได้ออกไปเจอโลกกว้าง
นับตั้งแต่ถนนทุกสาย บ้านน้อยเมืองใหญ่ ไปจนถึงมิตรสหายใหม่ที่พบเจอ
เมื่อเก็บกระเป๋าเรียบร้อย กำตั๋วไว้ในมือ
ออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่สนามบิน หัวใจก็ดูจะชุ่มชื้นขึ้นเป็นพิเศษ
“Up in the clouds
on my way to unknown things.”

ก่อนมาปีนังเราไม่ได้เตรียมตัวมาดีเท่าไหร่ เพราะเราสองคนมักจะมีเวลาว่างที่ไม่ตรงกันบ่อยๆ ทำให้แผนการเที่ยวหลายครั้ง ต้องถูกพับใส่กระเป๋าไป แต่ครั้งนี้เรามีเวลาว่างตรงกันถึงสามวัน ไม่รอช้า ปีนังผุดเข้ามาในความคิดเป็นที่แรก ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลใช้เวลาเดินทางไม่นาน และดูไม่น่ายุ่งยากจนเกินไปสำหรับการเดินทางที่ไม่มีแบบแผนครั้งนี้
เราเดินทางไปกับ Thai AirAsia เพราะมีบินตรงดอนเมือง-ปีนัง ทุกวัน วันละสองเที่ยวบิน บินถึงตอนบ่ายก็สามารถไปเก็บกระเป๋าแล้วเที่ยวต่อได้เลย ขากลับเราบินตอนเย็น ทำให้มีเวลาเที่ยวอีกวันเต็มๆ เป็นไฟลท์ที่เวลาดีมากเลยแหละ
เรากดจองตั๋วและวางแผนทั้งหมด สองวัน ก่อนการเดินทาง พอจบทริปนี้ทำให้รู้จริง ๆ ว่า อาเซียนเที่ยวง่าย ง่ายเหมือนไปเชียงใหม่หรือภูเก็ตเลย ราคาก็ไม่ต่างกันมาก ภาพประตู หน้าต่าง สถาปัตยกรรมต่างๆ คาเฟ่หลายร้าน ทำให้เราแทบอดใจไม่ไหว อยากจะเดินทางเต็มที่แล้ว
เพียงแค่สองชั่วโมงนิดๆ เราก็ได้มาพบกับโลกอีกใบนึง ที่แม้เวลาเดินเร็วกว่าบ้านเราหนึ่งชั่วโมง แต่บรรยากาศรอบๆกลับดูหมุนช้ากว่าทุกวันที่เคยเจอ
“DOOR TO ANOTHER WORLD”
11.05.17
First Date, Penang
วันแรกที่ได้ทำความรู้จักกับปีนัง บรรยากาศบ้านเมืองไม่หนีห่างจากบ้านเรามากนัก แต่ที่สะดุดตา ดึงดูดใจคงจะเป็นอาคารบ้านเรือน รูปแบบสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากการผสมผสานกันของหลากหลายอารยธรรมมาอย่างยาวนาน
รกรากของความเป็นเอเชียที่ถูกแต้มกลิ่นของฝั่งตะวันตกลงไป หลายสิ่งเป็นมาอย่างไรก็ยังคงดำเนินไปอย่างนั้น บางสิ่งก็ผันไปตามยุคตามกาลสมัย แต่ก็ยังไม่ถึงกับโดนเทคโนโลยีครอบงำไปเสียทีเดียว รอยต่อนั้นเลยเลยกลายเป็นเสน่ห์ที่ชวนหลงไหลอย่างบอกไม่ถูก และเราก็ชอบเข้าแล้วเสียด้วย
NOTE ; การเดินทางในปีนัง ทำได้ไม่ยาก ส่วนใหญ่ใช่บริการ Uber ได้เลย เรียกเร็วมากด้วยเพราะเหมือนจะขับกันทั้งเมือง 55 ราคาถูกมากๆ ไม่ต้องเดินให้เมื่อยเลย

KHOO KONGSI
George Town, Penang
บ้านสกุลคู เมื่อครั้งสมัยก่อน ที่นี่เคยเป็นบ้านประจำตระกูลคู ที่เล่ากันว่าโอ่อ่ามากที่สุดแห่งหนึ่งในปีนัง ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ ซึ่งเปิดให้คนเข้าเยี่ยมชมได้ โดยสิ่งที่น่าสนใจคือโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิม ที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งว่ามันช่างซับซ้อนและสวยงามเอามากๆ อีกทั้งเรื่องการตกแต่งที่มีทั้งการแกะสลักอันแสนละเอียด การวาดภาพลงบนสิ่งต่าง ๆ ทำให้เราต้องถ่ายรูปเก็บไว้มากมาย ถ้าใครชอบและอยากศึกษาสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ แนะนำว่าให้มาที่นี่เลย
Koo Kongsi หาไม่ยาก หากเราอยู่ในย่าน Gorge Town อยู่แล้ว สามารถหาได้จากแผนที่แล้วเดินตามมาได้เลย อาจจะงงตรงทางเข้าหน่อยๆ เพราะมันจะค่อนข้างเตี้ยๆ และมีค่าเข้าชมคนละ 80 บาท
ส่วนพวกเรากว่าจะหากันเจอ ทำเราเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ จนในที่สุดเลยตัดสินใจถามคุณลุงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สิ่งทำให้เราประทับใจไม่เพียงแค่การพยายามอธิบายเส้นทางให้เราเข้าใจ
ที่กินใจนั่นคือน้ำใจและความเกื้อกูลที่เราได้รับ เพราะคุณลุงนั้นใส่เฝือกที่ขาข้างนึง และท้ายสุดคุณลุงลุกขึ้นไปยังจักรยาน และขี่นำมาส่งเรายังจุดหมาย เรายิ้มกว้างพร้อมกล่าวคำขอบคุณออกไปอย่างมากมาย ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เผื่อหวังว่าคุณลุงจะรับรู้ได้ว่าการให้ของคุณลุงนี้ได้กลายเป็นเรื่องราวดีๆให้เราสองคนได้พูดถึงจนวันนี้
“THE IDEA IS TO MAKE THE STORY OF ONE MAN
RELEVANT TO A WIDER AUDIENCE”
HOUSE OF YEAP CHOR EE
George Town, Penang
บ้านที่เล่าเรื่องราวของชายผู้เดินทางมาตั้งรกรากที่ปีนัง เริ่มต้นจากเป็นช่างตัดผมตามท้องถนน อาศัยความขยัน อดทนจนก่อร่างสร้างตัว ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีของย่านจอร์ททาวน์
สิ่งของภายในบ้านถูกเก็บอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ราวกับรอการกลับมาของเจ้าของ ภาพถ่าย เครื่องเสียง เสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่อัลบั้มภาพในวันแต่งงาน ชวนให้เราจินตนาการถึงช่วงเวลาที่ YEAP CHOR ยังมีลมหายใจ บ้านหลังใหญ่ มีหลายห้องและหลายชั้นบ่งบอกถึงฐานะที่ร่ำรวย ความสุขยังคงอบอวนไม่จากไปไหน เราค่อยๆเดินผ่านจากห้องหนึ่ง ไปสู่อีกห้องหนึ่ง และมักจะเผลอนึกย้อนกลับไปถึงเสียงหัวเราะและความสุขที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้
บ้านเรือนของคนที่นี่จะเป็นเหมือนกับตึกแถว ด้านในจะยาวลึกและมีหลายชั้น ทุกหลังบริเวณตรงกลางบ้านจะเว้นพื้นที่เปิดโล่งไว้ เพื่อให้แสงส่องลงมา บางบ้านจัดเป็นสวน มีโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ ไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
บางบ้านเป็นสระว่ายน้ำ รับแสงแดดและเปิดให้ลมผ่านเพื่อถ่ายเทอากาศ ข้างในจึงไม่ได้อึดอัด ออกจะเย็นสบายกว่าข้างนอกเสียด้วยซ้ำ
ร้านเบอร์เกอร์ ที่เจอเข้าระหว่างออกมาเดินเล่นคืนแรก
ชอบไฟดัด “LEAVE NO PATTY BEHIND” สีชมพูที่ส่องสว่างเรียกแขกเข้าไปในร้าน
GOOD FRIENDS NEVER BOJIO
George Town, Penang
ชื่อร้านสุดแปลก ที่ได้รับคำแนะนำมาจากพี่ที่เคยมาที่นี่ ทำให้เราต้องขอลองมาดูให้เห็นกับตา ร้านส่องไฟชมพู ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในหนังหว่องกาไว โปสเตอร์ติดกันรกๆแบบไม่ตั้งใจ กลายเป็นสเน่ห์ของร้านไปโดยปริยาย แต่เรายังข้องใจกับชื่อร้าน ว่าทำไมต้อง “BOJIO” แล้วมันคืออะไร อ่านว่าอะไร จนวันถัดมาได้เพื่อนชาวมาเลเลยถามข้อข้องใจนี้ พอพูดคำว่า โบจิโอะ เค้าก็ยิ้มกรุ้มกริ้มและอธิบายว่า Bojio แปลได้ประมานว่า You never call ดังนั้น GOOD FRIENDS NEVER BOJIO จึงแปลใจความออกมาได้ว่า Good Friend Never Never Call ; เพื่อนแท้จะไม่เคย ไม่โทรหาแน่นอน
ปล. ที่นี่เฟรนซ์ฟรายทอดอร่อยมาก ถ้าใครมาก็อย่าลืมลอง
นั่งรถมาจากจอร์จทาวไม่เกิน 60 บาทแน่นอน
Street Art
George Town, Penang
ศิลปะบนกำแพงที่พบเห็นตลอดเส้นถนน Street Art กราฟฟิตี้จากเหล่าศิลปินทั้งหลายจะแอบอยู่ตามตรอกซอกซอยให้เราสนุกเดินวนเดินหากันจนเท้าบวม แต่ละภาพมีประวัติต่างๆไม่เหมือนกัน เป็นงานสไตล์ Interactive โดยตลอดระยะเวลาที่เราเดินตามหาภาพต่างๆ ก็มีคนเข้าไปเป็นส่วนร่วมกับภาพเยอะแยะมากมาย บ้างก็แทรกตัวเนียนๆไปกับภาพ บ้างก็ทำท่าทางต่อเนื่องไป กลายเป็นภาพที่น่ารักดี
สีสันของกระเบื้องที่นี่ น่ารักทุกๆบ้าน เหมือนทุกคนมีเซนส์ในการเลือกให้มันเข้ากันมากๆ
Gorge Town เป็นย่านเล็กๆ ที่เดินเท้าก็เชื่อมถึงกันหมด และสิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ เราสามารถเรียกอูเบอร์ได้ตลอดเวลา ซึ่งราคาก็ถูกมากๆด้วย เราเรียกกันในตอนที่อยากจะย่นเวลา หรือเดินไม่ไหวแล้ว
ส่วนใหญ่นั่งไม่เคยเกิน 10 นาที ราคาก็อยู่ที่ 15-30 บาทแค่นั้นเอง
บ้านหลังนี้ ทากำแพงสีเหลืองซึ่งเข้ากันพอดิบพอดีกับดอกเฟื้องฟ้าสีชมพู ที่ชโงกออกมาจากหน้าต่างอวดตัวทักทายแก่สายตาชาวโลกที่ผ่านไปผ่านมา พอเราเห็นดอกไม้ ก็พุ่งตัวแทรกเข้าไปเพื่อจะถ่ายใกล้ๆ แต่ก็โดนเกี่ยวเป็นการเตือนเบาๆว่า อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะ ฮ่าๆ
พึ่งเดินออกมาจากย่าน Little India รอยเพ้นท์เฮนน่าสดๆร้อนๆ จากสาวในตาแขก ผู้ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ระบายหลังมือเราออกมาได้งามงดอย่างที่เห็น
GERAK BUDAYA BOOKSHOP
George Town, Penang
เจอกันระหว่างทางกำลังเดินไปร้าน Bean Sprout Cafe ร้านหนังสือเล็กๆ ประตูไม้กับขอบหน้าต่างสีเหลือง
เราแวะทันทีอย่างไม่ลังเล เปิดประตูเข้าไปพร้อมกับเสียงกระดิ่งดังกรุ้งกริ้ง จมอยู่ที่นี่สักพัก เรากลับออกมาพร้อมโปสการ์ด 2 เซต หนังสือเจ้าชายน้อยฉบับ ภาษามาเลเซีย และหนังสือเก่าอีกสองสามเล่ม
หอบทั้งหมดลงกระเป๋า พร้อมกับหัวใจที่อิ่มเอิบ
อันนี้ข้างบ้านใครไม่รู้แต่ผนังสีเหลืองกับประตูสีฟ้า ตัดกันได้น่ารักดี
เลยแอบขอไปยืนถ่ายรูปคู่ด้วยกันหน่อย
YONG YI YUEN (100 years old heritage)
BNB คืนแรกที่ดีมากๆ บังเอิญกดเจอตอนหาที่พัก เพราะภาพภายในบ้านที่ถูกบรรจุมาในอัลบั้มภาพถ่าย ทำให้เรารีบที่จะกดเข้ามาดู คุณน้าเจ้าของบ้าน ให้ความอบอุ่นและเป็นกันเองมาก เราโชคดีที่ได้นอนชั้นล่าง แถมยังมีห้องน้ำในตัว ที่ชอบไปกว่านั้นคือการตกแต่งทั้งหมด ทั้งด้านนอกและด้านในห้อง ถูกใจที่สุดคงจะเป็นห้องน้ำที่มีต้นไม้สีเขียวข้างอ่างน้ำ คืนแรกที่มาถึงเราเลยเติมพลังด้วยการนอนแช่น้ำอุ่นท่ามกลางต้นไม้เขียวซะเลย ค่าที่พักสองคนต่อหนึ่งคืนเราจ่ายไปประมาณพันกว่าๆเอง หารกันสองคนถือว่าราคากำลังน่ารักมาก
สำหรับเราในปีนังถือว่าที่พักถูก และยากที่จะพลาดเจอที่พักไม่ค่อยดี ใจจริงอยากย้ายไปนอนหลายๆที่ เพราะดูตาม bnb แล้วเค้าจัดบ้านกันน่ารักมาก
TAKE TIME TO MAKE YOUR SOUL HAPPY.
เป็นเช้าวันแรก ที่เริ่มด้วยแช่น้ำอุ่นกับหนังสือเล่มโปรดที่ติดกระเป๋า
เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนออกไปทำความรู้จักกับปีนัง
BEAN SPROUT CAFE
George Town, Penang
ขณะที่เดินมายัง Bean Sprout Cafe ฝนก็พรำลงมาพอให้เย็นคลายร้อนลงไปได้เยอะ เราสั่งเครื่องดื่มโดยมีบาริสต้าหนุ่มแนะนำเมนูให้ แล้วเลือกขึ้นไปนั่งที่ชั้นสอง ระหว่างรอชา และกาแฟ เลยหยิบหนังสือที่พึ่งซื้อขึ้นมาอ่าน พร้อมกับนั่งเขียนโปสการ์ดส่งถึงเพื่อน เคล้าเสียงฝนตกเปาะแปะไปพลางๆ
How to stop time : kiss.
How to travel in time : read.
How to escape time : music.
How to feel time : write.
How to release time : breathe.
-Matt Haig
HAVE A NICE DAY ☻
เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้อยู่นาน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เรารู้สึกชอบร้านนี้มากๆ โทนสี ไอเย็น ชื้นๆจากละอองฝนข้างนอกและหนังสือเล่มใหม่ที่พึ่งซื้อมา รวมกันแล้วเป็นบรรยากาศที่ดี เราเริ่มรู้สึกชอบปีนังหลังฝนตก ชอบการตกแต่งของร้านที่เพิ่มเติมจากโครงสร้างเก่าๆ ความ Loft ที่ดูไม่ประดิษฐ์ ทำให้รู้สึกอยากหยุดเวลาไว้ที่ปีนังเลย
SIXTH SNCE
George Town, Penang
Lifestyle Shop นิยามขึ้นมาเองจากความรู้สึกล้วนๆ เป็นภาพคล้ายเบาๆ กับร้านที่ฝันเอาไว้ ไม่ได้มีแค่เสื้อผ้า เครื่องประดับแต่มีของตกแต่งบ้าน ของจุ๊กจิ้กน่ารัก มีสีเขียวของต้นไม้เติมชีวิตชีวาให้กับร้าน ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอความเซอร์ไพรส์ของการตกแต่งร้าน เราพากันชี้มือชี้ไม้ให้ดู ต้นไม้แบบนั้น
เสื้อแบบนี้ ที่อยากได้ เรียกว่าร้านนี้ปลุกจินตนาการของเราหลายๆอย่าง ใครชอบชอปปิ้งก็มาเลือกของกันได้ ส่วนใครชอบแต่งบ้าน เข้ามาดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจยังได้เลยนะ

“HOW LOVELY THE SILENCE OF GROWING THINGS.”
AWESOME CAFE***
George Town, Penang
มาคาเฟ่นี้จากคำแนะนำของคุณปั้น เพื่อนของเราผู้เคยเยือนที่ร้านนี้มาก่อน เราชอบทั้งการออกแบบ การจัดวางสัดส่วนต่าง ๆ ต้นไม้สูงที่อยู่ในร้านช่วยลดความกระด้างของปูนและสังกะสีลงไปได้มาก ถือเป็นอีกที่หนึ่งการออกแบบที่ดึงเสน่ห์ของตัวอาคารเก่าดั้งเดิมเอามาผสมกับการตกแต่งแบบสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้มีทั้งกลิ่นอายของเสน่ห์ทั้งสองอยู่ในตัว ที่นี่อาหารและเครื่องดื่มอร่อยมาก ใครมาปีนังห้ามพลาด อย่าลืมหยิบหนังสือติดมาสักเล่ม มานอนอ่านในร้านนี้ก็เป็นความคิดที่ดีนะ
***คือห้ามพลาดต้องมาให้ได้
CHINA HOUSE **
Gorge Town, Penang
ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ชอบมาก เพราะในหนึ่งร้านมันมีร้านข้างในต่อกันยาวๆจนอีกฝั่งถนน โดยด้านในจะมีร้าน Kopi C. Espresso , BTB & Restaurant , ร้านเบเกอรี่ Beach St. Bakery ห้องแสดงงานศิลปะและห้องขายของฝาก หลังสุดเป็นร้าน Canteen ที่ตอนกลางคืนเป็นเหมือนบาร์เล็กๆ ด้วย

ของตกแต่งถูกจัดว่าไว้อย่างเข้ากันอย่างลงตัว
โซนขนมเค้ก เราชอบตรงนี้มาก มันน่ารักมีให้เลือกเยอะละลานตาไปหมด และหน้าตาแต่ละเมนูก็น่ารักมากๆด้วย ขนมเค้กที่เราเลือกมาลองสองรส กินกันหมดแบบไม่ต้องถาม
รูปด้านล่างคือส่วนของร้านอื่นๆ อีกสามสี่ร้านที่แทรกเรียงตัวอยู่ด้านในต่อออกไปจนสุดถนนอีกฝั่ง ยาวมากๆเลยหละ
แพทเทินลายกระเบื้อง มีให้เห็นอยู่ตลอดทางเดิน สวยจนหยุดถ่ายรูปไม่ได้
Gallery ที่บังเอิญเดินผ่านในย่านจอร์จทาวน์ กำลังจัดงานแสดงของศิลปินจากประเทศไทยด้วยนะ
CHEONG FATT TZE – THE BLUE MANSION
George Town, Penang
เราเห็นภาพของโรงแรมครั้งแรกก็พูดกับตัวเองว่า ยังไงก็ต้องมาที่นี่ให้ได้ จัดอยู่ใน wishlist เลย และต้นเหตุจริงๆ ของการมาปีนังครั้งนี้ ได้รับอิทธิพลจากโรงแรมนี้มาเกือบ 80% โรงแรมที่ฉาบไปด้วยสีน้ำเงินทั้งหลัง สถาปัตยกรรมสไตล์โอเรียนทัล ทำให้ที่แห่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูด โดนใจเราเข้าเต็มๆ ความสวยงามถูกคัดสรรมาอย่างดี ตั้งแต่กระเบื้อง ราวบันได โคมไฟ จนไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาตกแต่ง
เราได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยขนมหวานที่มีคำพูดต้อนรับเล็กๆ แนบไว้ รู้สึกประทับใจตั้งแต่ก้าวเข้ามา และตาโตเข้าไปอีกเมื่อได้เห็นห้องพัก เตียง ตู้ ห้องน้ำ พึมพำกันสองคนว่า เหมือนความหวังตั้งใจในการมาปีนังครั้งนี้ได้ลุล่วงไปแล้วครึ่งนึง
โครงสร้างที่นี่ จริงๆแล้วเป็นบ้านพักอาศัยของเศรษฐีท่านหนึ่งในปีนัง ซึ่งมีความร่ำรวยและเป็นที่รักของครอบครัว ญาติมิตรและบริวาร ต่อมาได้สร้างเป็นโรงแรม แต่ก็ไม่ทิ้งโครงสร้างเดิมๆนี้ แต่นำมาปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นโรงแรมเก่าแก่ชื่อดังแห่งปีนัง ที่ใครก็เรียกสั้นๆว่า Blue mansion
ประวัติของโรงแรมแห่งนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงกลายเป็นสีน้ำเงินทั้งโรงแรม โดยเราถามจากเพื่อนชาวมาเลเซียอีกเหมือนเดิม จับใจความได้ว่า เดิมทีโรงแรมทั้งหลังทาสีชมพูและแดง แต่เมื่อเจ้าของอันเป็นที่รักได้จากไป ทุกคนจึงร่วมกันไว้อาลัยด้วยการเปลี่ยนบ้านหลังนี้ให้เป็นสีน้ำเงิน เพื่อรำลึกและส่งผู้ที่ล่วงลับสู่ความสุขสงบ ทั่วโรงแรมจึงกลายเป็นสีน้ำเงินตั้งแต่นั้นมา
บรรยากาศภายในห้อง กว้างขวางอบอุ่นและสบาย
ราคาของห้องพักจะอยู่ที่ 4,100 ไปจนถึง 5,500 ต่อคืน รวมอาหารเช้าแล้ว แนะนำว่าต้องจองล่วงหน้าก่อนนานๆ และต้องมา ต้องมาจริงๆนะ ที่นี่มันสวยมากจริงๆ
EASTERN & ORIENTAL HOTEL
George, Penang
โรงแรมที่ดีที่สุดในปีนังจะบอกแบบนี้ก็คงไม่ผิด เพราะเมื่อพูดถึงชื่อโรงแรมนี้ คนที่นี่ต่างกล่าวขานเป็นเสียงเดียวว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในปีนังจริงๆ
“YOU ATTRACT THE ENERGY THAT YOU GIVE OFF.
SPREAD GOOD VIBES.
THINK POSITIVELY. ENJOY LIFE.”– Best Vibe Only –
ห้องที่เราได้พักอยู่ติดกับวิวทะเล เราเลยปิดแอร์ และเปิดหน้าต่างรับลมเย็นพัดม่านโปร่งๆให้ลอยพริ้วเอือยๆ มีเสียงแหบนุ่มๆ ของ Sam Kooke กับหนังสือที่ยังอ่านค้างไว้
If you ever change your mind
About leaving, leaving me behind
Oh, oh, bring it to me
Bring your sweet loving
Bring it on home to me
Bring it on home to me – Sam Kooke
Happy times come and go,
but memories stay forever
“BEFORE SUN SET”
FROM PENANG
ชอบการตกแต่งของโซนนี้มาก สี เฟอร์นิเจอร์ ทุกๆอย่าง ดูเข้ากันดีมากจริงๆ
‘SUNBEAM’
LF
Down the hallway,
Past our framed faces and memories.
I smell coffee.
I squint; stepping into the sunlight
That floods our kitchen.
And there he is, like every morning.
Nose in a book, mug of coffee steaming
Next to him.
He smiles and slowly closes his book,
grabbing the front of the sheet and pulling me into his lap.
” you’re a vision in white ”
Muntri Muse ; Gorge Town
ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ที่มีขายทั้ง Breakfast & Lunch แสงแดดในตอนกลางวันกระทบกับใบไม้ ทอดเงาลงมากลายเป็นลวดลายธรรมชาติแบบไม่รู้ตัว เป็นร้านที่มีต้นไม้หน้าร้านเยอะมากเลยแหละ อยากให้ลองแวะไป
So, kiss me and smile for me
Tell me that you’ll wait for me
Hold me like you’ll never let me
Cause I’m leaving on a jet plane
Don’t know when I’ll be back again…
หนึ่งในหลายเพลงที่เราได้ฟังจากเพื่อนใหม่ชาวมาเลเซียในคืนสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ การเดินทางมาปีนังครั้งแรกของเราครั้งนี้ สิ่งที่สวยงาม และน่าจดจำที่สุดคงเป็นมิตรภาพ จะว่าเป็นทริปที่เราได้เพื่อนใหม่เพิ่มเยอะที่สุดเลยก็ได้
เพราะคนปีนังค่อนข้างใกล้ชิดกับคนไทยมาก เมื่อเอ่ยปากบอกว่าเป็นคนไทย ทุกคนก็ยิ้มให้และต้อนรับอย่างยินดี บ้างถามไถ่และหยิบยกเรื่องจังหวัดต่างๆขึ้นมาพูดคุย พร้อมเล่าประวัติของปีนังให้ฟังจนเราได้รู้ถึงความเป็นมาต่าง ๆ ที่หากไม่ได้พูดคุยกันคงไม่มีทางรู้เป็นแน่
ถ้าใครมีเวลาในการเที่ยวไม่มาก และอยากได้รับบรรยากาศพร้อมทั้งความอบอุ่นแบบนี้
รีบเก็บกระเป๋าแล้วจองตั๋วไปปีนังเลย ไม่แน่เราอาจจะได้เจอกันที่ไหนซักที่ในปีนังก็ได้นะ
Dear all my good friends
ถึง เพื่อนทั้งหลาย ที่ได้พบเจอกันที่เมืองเล็กๆ อันอบอุ่นนี้, ปีนัง
ขอบคุณสำหรับการตอนรับคนต่างเมืองอย่างเราด้วยความจริงใจการดูแล หยิบมอบน้ำใจ ที่เราไม่ได้คาดคิดเอาไว้ ดีใจและขอบคุณที่เราต่างประทับใจและชื่นชมในประเทศของกันและกัน
เมื่อกลับถึงบ้าน ปีนังเป็นอีกหนึ่งเมืองในใจที่จะรีบบอกต่อแก่คนอื่นๆ ว่าอยากให้ลองแวะไปเยี่ยมเยียน เมืองเล็กๆนี้ดู และบอกกับทุกคนว่าอยากกลับไปปีนังอีกครั้ง ตอนหน้าฝน อยากกลับไปนอนเล่นอ่านหนังสือตามร้านกาแฟต่างๆ ไปถ่ายภาพประตูหน้าต่างของบ้านเรือน กลับไปพบกับเพื่อนใหม่ ที่นาทีนั้นคงสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เราเพียงบอกเล่าสิ่งที่ผ่านสายตา และมุมมองของเพื่อนที่ได้ออกเดินทางไปด้วยกันเป็นทริปแรก เหนืออื่นใด ดีใจที่ได้มาเที่ยวนอกบ้านด้วยกันสักที
We appreciate your warm and sincere welcome. It’s so unexpectedly lovely. I feel glad that we both adore each other’s culture.
When we arrived home, Penang became one of the best places we want to share and recommend to our friend and we, also, want to go back there again. Reading books in some cafes during the rainy season is one of the wish-lists, together with photographing architecture with new friends who will surely become close friend next time we go back. Above all, we’re glad to wander outside our comfort zone together.
NOTE ;
- การเดินทางมาปีนังไม่ยากเลย ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงที่ปีนังแล้ว
- สามารถเดินทางด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย ซึ่งมีวันละสองเที่ยวบินเลยนะ ราคาไม่แพงด้วย
- ค่าเงินของที่นี่คือริงกิต สามารถแลกได้ที่ซุปเปอร์ริชเช่นเดิม
- อาหารหาทานง่ายมาก เรียกว่าเป็น Street Food คล้ายๆประเทศไทย
- อากาศ ร้อนชื้น เตรียมเสื้อชิวๆมาน่าจะดี
- ค่าครองชีพถูกมาก เราและเพื่อนอยู่ 4 วันหมดไป 7,000 บาท 2 คนนะ ถูกโคตร
- ที่พักถูก และหาง่ายมากๆ ส่วนใหญ่ถ้าอยู่ในจอร์จทาวน์ สามารถเดินเชื่อมกันได้หมดเลย
ภาพสวย เขียนดี อ่านเพลิน ชอบมากๆ ค่ะ ^^
ตุลานี้จะไปตามรอยนะคะ ^^
Beautiful pics and very nice story. I’m going to travel to Penang this month. Your story is really good to follow. Thanks for sharing your wonderful moment from there.