EATING IS A NECESSITY
BUT COOKING IS AN ART.
หลายคนที่เปรียบรสชาติอาหารไม่ต่างจากชีวิต
ไม่แปลก หากจะพูดว่าอาหารอร่อย ก็ทำให้วันแย่ๆดีขึ้นได้
เคยมีคนพูดไว้ทำไมเราจึงใช้เงินที่จำนวนไม่น้อยเลยออกเดินทางไปมากมายหลายที่ แล้วถ้าเทียบกับอาหารรสเลิศ ดีๆสักมื้อ ทำไมเราจะไม่ยินดีละ
อาหารคือสิ่งจำเป็นของชีวิตมนุษย์ อาหารดีๆบนโลกนี้มีหลากหลายเสียจนนับไม่ได้ วัถตุดิบ กรรมวิธีและรสชาติก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่ แต่ละจานมีที่มาที่ไปต่างกัน ไป แต่ละคนจึงต่างก็มีจานโปรดเป็นของตัวเอง สำหรับเราเองนั้นนอกจากอาหารไทยบ้านเราแล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหลงรักอาหารญี่ปุ่นอย่างจริงจังเชียวละ แน่นอนว่าไม่พ้นซูชิ ไม่เพียงแค่รสชาติแต่เราจะประทับใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ และความละเอียดละออในการทำซูชิแต่ละคำของเชฟญี่ปุ่น หนึ่งคำของปลาและข้าวนั้นบ่งบอกได้ถึงรากลึกของศิลปะ วัฒนธรรมที่สืบสานกันมาได้อย่างนุ่มละมุน
การเป็นเซฟทำซูชินั้นไม่ง่ายเลยสักนิด ต้องใช้เวลาฝึกฝน ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับ หากใครเคยดูหนังสารคดีเรื่อง Tsukiji wonderland แล้วละก็จะยิ่งเข้าใจเลยว่า กว่าจะมาเป็นซูชิแต่ละคำนั้นผ่านเรื่องราวมามากมายทีเดียว
สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ ความคิดที่สอนกันของคนญี่ปุ่นว่า หากเป็นเชฟ หน้าที่ของเซฟคือต้องตั้งใจปรุงอาหารให้ออกมาดีที่สุด หากไม่เช่นนั้นจะถือว่าเค้าได้ดูถูกและไม่ให้เกียรแก่ชาวประมงที่นั่งเรือออกไปจับปลาตัวนี้มา
วันนี้เราได้รับการเชิญชวนให้มาทานมื้อค่ำที่ Sushi Zo Bangkok ร้านอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศอบอุ่น ที่จัดเซิฟในแบบที่เรียกว่า Omakase โดยเชฟจะเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส เมนูแต่ละคำถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันจากเซฟชาวญี่ปุ่นที่มีสองดาวมิชลินยืนยันถึงความอร่อย
เรามาถึงที่ Sushi Zo กันประมาน 1 ทุ่มกว่าได้ๆ ทั้งตัวและใจเตรียมพร้อมมาสำหรับมือค่ำนี้อย่างเต็มที่
เก้าอี้ถูกจัดวางล้อมบาร์ไว้ เหมือนหลุดมาอยู่ในบาร์ซูชิร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้นเลย
เชฟที่จะมาดูแลและทำมื้อค่ำให้เราทานคือ เชฟ Toshi Onishi เชฟชาวญี่ปุ่นที่มากด้วยประสบการณ์
เมื่อกล่าวทักทาย แนะนำตัวกันเรียบร้อย เซฟก็ถามถึงว่าเรามีเมนูไหนที่ชอบเป็นพิเศษไหม หรือว่าแพ้อาหารอะไรรึป่าว เรายิ้มและตอบกลับไปว่าไม่แพ้ เชฟจัดมาได้สุดฝีมือเลย
เชฟ Toshi Onishi เชฟผู้มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
เมนูแรกเราเริ่มต้นด้วยสาหร่ายที่ถูกปรุงรสมาแล้วจัดวางมาในถ้วยเล็กๆ เมื่อทานไปก็รู้สึกสดชื่นเลยเป็นคำแรกของการเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว
HALIBUT (HIRAME)
จานต่อมาคือเมนู HALIBUT (HIRAME) ซูชิขนาดพอดีคำที่เชฟเสริฟ์ตรงหน้า ทันทีที่เข้าปากไปทั้งข้าวและปลาแทบจะละลาย สัมผัสอันละมุมลิ้นเคล้ากลิ่นหอมของเปลือกส้มยูสุที่อบอวลอยู่ในปาก รสชาติทุกอย่างลงตัวโดยที่ไม่ต้องพึ่งซอสเพิ่มเลย
เชฟค่อยๆ สไลด์ผิวส้มยูสุลงบนเนื้อปลา กลิ่นหอมอ่อนลอยมาเตะจมูกเบาๆเลย
ซูชิทุกคำที่เสิร์ฟมานั้นเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ทุกครั้งที่เชฟปรุงแต่ละคำให้เราทาน มันคือองค์ประกอบของรสชาติที่กลมกล่อม เรายิ้มพร้อมทั้งเคี้ยวไปพร้อมๆกัน เมื่อจบลงหนึ่งคำก็ยิ่งทำให้เราโหยหิวยิ่งขึ้นกว่าเก่า ยิ่งเฝ้ารอคำต่อไปที่จะมาวางตรงหน้า
GOLDEN EYE SNAPPE (KIMMEDA)
GOLDEN EYE SNAPPE (KIMMEDA) ซูชิหน้าปลาเนื้อสีส้มทอง ที่เชฟบรรจงใช้มีดสไลค์เป็นบั้งๆ และไม่พลาดโรยด้วยผิวส้มยูสุ
SNAPPER (MEJINA)
SNAPPER (MEJINA) กลิ่นหอมของถ่านไม้ที่แนบลงไปบนเนื้อปลาอย่างเบามือ พอให้เนื้อด้านนอกสุกนิดๆ แต่ยังคงความสดของรสชาติเอาไว้อยู่ เราประทับใจทีเดียวเพราะปกติจะเห็นแต่การใช้โพรเพนพ่นไฟลงไป แต่การที่เชฟเลือกใช้ถ่านไม้แทนนั้น กลับช่วยทำให้กลิ่นหอม และชวนให้น่าทานกว่ามาก
TUNA (AKAMI)
TUNA (AKAMI) ซูชิหน้าปลาทูน่าเนื้อสีแดงชมพูวาว ที่ถูกแต้มด้วยซอสบางๆ พอเข้าปากแล้วความหวานชุ่มของปลาก็แผ่ซ่านไปทั่วปาก และค่อยๆละลายลงคอไป
MEDIUM FATTY TUNA (CHU TORO)
MEDIUM FATTY TUNA (CHU TORO) ชูโทโร่ คือส่วนท้องของปลาทูน่า ที่ถูกยกให้เป็นเนื้อส่วนที่อร่อยที่สุด เนื้อปลาสีชมพูวาวด้วยไขมันที่แทรกอยู่ในชิ้นปลา เมื่อเข้าปากแล้วไขมันจากเนื้อปลาก็แตกตัวออกและละลายหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความหวานฉ่ำคลุกเคล้าอยู่ในปาก
SMOKE RAD SNAPPER (TAI)
SMOKE RAD SNAPPER (TAI) ซูชิคำนี้มาพร้อมกับฝาแก้วครอบไว้ภายในเต็มไปด้วยควันสีขาว
เมื่อเปิดออก กลิ่นไอของถ่านไม้ก็ลอยฟุ้งขึ้นมาเตะจมูก เมื่อคีบซูชิเข้าปากกลิ่นควันยังคงอบอวลติดอยู่กับเนื้อปลาและข้าวหอมคลุ้งไปทั่วปากเลย
EGG CUSTARD TOPPED WITH SEA URCHIN (CHAWANMUSHI, UNI)
EGG CUSTARD TOPPED WITH SEA URCHIN (CHAWANMUSHI, UNI)
ไข่ตุ๋นเนื้อนวลนุ่ม ที่มาพร้อมกับไข่หอยเม่นสดๆ ที่ส่งตรงมาจากโอซาก้า ความหวานของไข่หอยเม่นเมื่อเจอกับไข่ตุ๋นเนื้อเนียนละเอียด ช่างเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีที่ติ
BLUE NOSE (MEDAI)
BLUE NOSE (MEDAI) ข้าวปั้นและปลาเนื้อสีขาวนวล แต้มซอสกลิ่นหอมบางๆ พอช่วยชูรสชาติของปลาและข้าวให้กลมกล่อม ละลายไปในปาก
BAFUN SEA URCHIN (BAFUN UNI)
BAFUN SEA URCHIN (BAFUN UNI) ไข่หอยเม่นสีเหลืองส้มสดโป้ะมาบนข้าวปั้นคำน้อย เรียกได้ว่าละลายไหลลงคอไปเลย ความหอมและสดของไข่หอยเม่นที่แม้จะกลืนคงไปแล้วแต่ความหวานชุ่มฉ่ำยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น
เมนูปิดท้ายของเรา เป็นของหวานหลายอย่าง แต่ละคำจะเป็นคำเล็กๆ เสริ์ฟมาในกล่องไม้
แต่ละคำให้รสชาติและสัมผัสที่ต่างกันไปตามหน้าตา แต่ที่เหมือนกันนั้นคือหวานรสชาติหอมละมุน
เชฟชงชาเขียวร้อนๆให้เราคนละถ้วย กลิ่นหอมจากชามัชชะแท้ๆช่วยให้โล่งจมูก รสชาติขมแต่นุ่มอยู่ในคอ ช่วยให้ขนมหวานยิ่งอร่อยขึ้นเมื่อทานคู่กัน ถือเป็นการจบมื้อค่ำที่สมบรูณ์แบบที่สุด
อาหารเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเรา และหากจะเรียกว่าเป็นศิลปะอีกแขนงนึงก็คงไม่ผิดนัก อาหารที่ดีที่ได้ผ่านการรังสรรค์อย่างตั้งใจและเวลาสั่งสมประสบการณ์อันเนินนาน เพื่อส่งต่อมายังผู้คนอื่นๆ นอกจากความอิ่มหน่ำแล้ว ก็คงเป็นความเบิกบานสุขใจเมื่อเราได้กินของอร่อย ได้สนทนาแบ่งปันเรื่องราวต่างๆบนโต๊ะอาหารให้กับเพื่อน ครอบครัวและคนรัก
ขอบคุณร้านอาหาร SUSHI ZO และเซฟ Toshi Onishi ที่นอกจากจะมอบมื้อค่ำที่แสนอร่อยและพิเศษให้เราได้ทานแล้ว ยังทำให้เราได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ กับเพื่อนที่ไม่ค่อยได้มีเวลาตรงกันสักเท่าไหร่ได้มาทานข้าวด้วยกัน พูดคุยเล่าเรื่องราวต่างๆ เลยยิ่งเพิ่มให้อาหารมื้อนี้รสชาติดี สนุกและอบอุ่นกว่ามื้อไหนๆ
ごちそうさま・でした
with love,
from Mars
รายละเอียดของร้าน Sushi Zo ดูได้ตามนี้เลย
Link : https://sushizobangkok.com/
Location
Athenee Tower
63 Wireless Road Lumpini
Bangkok, TH
Tel : +66(0)2168-8490