I walk past the bleak walls of an architect’s un-imagination
returning to the venue
where we held that very first conversation
to see you again,
to be your friend, to hold you in my mind.
— George Ezra
แม้เราจะเคยได้ยินชื่อประเทศโปแลนด์มานาน ไม่ว่าจากเมื่อครั้งยังเรียน ยังเป็นนักศึกษาอยู่ หรือในหนังหลายๆ เรื่องที่เราได้ดู แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เดินทางมาสักที จนกระทั่งสถานทูตโปแลนด์เชิญชวนให้เราได้มาเยือนประเทศแห่งประวัติศาสตร์นี้ สำหรับเรานี่จึงเหมือนการเดินทางย้อนสู่อดีตไปพร้อมกับปัจจุบัน
กาลเวลาอันยาวนานยิ่งทำให้บ้านเมืองรวมถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ ดูมีคุณค่าและงดงาม ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ใช้การยิ้มแย้มให้กันเป็นคำทักทาย ทำให้เมืองเก่าแห่งนี้น่าหลงไหลไม่น้อยเลย ก้อนหินถูกนำมาปูเรียงเป็นถนนทอดยาวพาเราให้เดินไปตามซอกซอยต่างๆ ของเมือง อากาศเย็นกำลังดีพัดผ่านหน้าเราไปอย่างแผ่วเบา แดดอ่อนๆ พาดเงาตัวเองลงสู่หลังคาและกำแพง ทำองศาเรียงกันจนได้ระยะ ที่มองแล้วสวยจับตาจริงๆ เราเดินผ่านภาพสีละมุนที่ว่านี้คลอไปกับเสียงนุ่มลึกของ George Ezra

WARSAW
OLD TOWN SQUARE;
จัตุรัสเมืองเก่าของวอร์ซอ
สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นที่ตั้งบ้านเรือน โบสถ์ รวมไปถึงพระราชวังหลวง (Royal Castle) ซึ่งภายในนั้นถูกออกแบบและตกแต่งไว้อย่างวิจิตรประณีต ประดับประดาไปด้วยศิลปะวัตถุตลอดจนภาพเขียนจากศิลปินระดับโลกเอาไว้มากมาย
จัตุรัสเมืองเก่า หรือ Old Town Square ย่านแห่งประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ สวยงามด้วยสีสันของตึกอาคาร บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมแบบยุโรปตะวันออกแท้ จตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านเล็กๆ มากมายทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และคาเฟ่สวย ๆ ที่มีผู้คนแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย
we’d see the blessings in disguise
that all the rain clouds are fountains
though our troubles seem like mountains
there’s gold in them hills
there’s gold in them hills
so don’t lose heart
give the day a chance to start.
ในย่ามบ่ายแก่ๆ แดดอ่อนสองผ่านมายังใจกลางจตุรัส ผู้คนเดินสวนกันไปมาทอดเป็นเงาลงบนลานถนน
OLD TOWN MARKET;
เดินจาก Old Town Square มาไม่ไกลก็จะพบกับพื้นที่เล็กๆ ซึ่งมีทั้งตลาดและร้านอาหารกระจายอยู่รอบๆ ถ้าอยากมาเดินเล่นกินบรรยากาศ อาจจะต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะว่าตอนสายๆ ผู้คนจะเริ่มทยอยออกมากันเยอะมาก ตัวอาคารโดยรอบทาสีสันเหมือนฝั่ง Old Town สีของผนังตึกด้านนอกถูกฉาบด้วยสีที่ไม่ฉูดฉาด เรียงกันเป็นโทนที่มองแล้วอบอุ่นสบายตา บางมุมถนนจะมีที่ให้ศิลปินมาตั้งร้านเพื่อวาดรูปขาย เราจะเห็นคนแวะเวียนไปมากันขวักไขว่ เราเดินเล่นและได้โปสการ์ดจากตรงนี้ติดมือกลับไปหลายใบเลย โชคดีที่วันนี้อากาศเย็นกำลังสบายดี ทำให้เราได้เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนเส้นอื่นๆ ต่อ
Piekarska Rd.
เดินมาไม่ไกลจาก Old town มากนักก็จะเจอกับถนนเส้นนี้ เป็นถนนที่ดูเผินๆ แล้วอาจไม่ต่างจากถนนทั่วไปที่มีทั้งร้านอาหารและบ้านพักอาศัย แต่ความประทับใจคงจะเป็นสีสันที่เค้าเลือกใช้ รวมถึงความเก่าของสถาปัตยกรรมรอบๆ ที่ทำให้ถนนเส้นนี้ดูมีเสน่ห์ ในยามที่แดดส่องเข้ามาเกิดเป็นเงาตัดพาดกับกำแพงไปเรื่อยๆ ตลอดถนนทั้งเส้น สวยจนทำให้เราต้องหยุดถ่ายรูปอยู่นานเลย

สองวันที่ได้อยู่ในวอซอร์ เราใช้เวลากับย่านนี้ไปเยอะเลยทีเดียว เดินเล่น ถ่ายรูป แวะเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ กินลมชมบรรยากาศตลอดทั้งวันถือเป็นสถานที่ที่สวยและน่ารักมาก
Church of the Holiest Saviour
ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่หลายครั้งไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง เหตุการณ์ระเบิดในช่วงการปฏิวัติวอซอร์ ซึ่งทำให้ตัวโบสถ์ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ก่อนจะทำการเริ่มบูรณะและฟื้นฟูขึ้นใหม่ใช่ช่วง ค.ศ.1955
โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่แถวจัตุรัสเซเวียร์ Saviour Square เป็นโบสถ์แบบยุโรปที่มีความงดงามแต่เดิมอยู่แล้ว
ด้านในถูกตบแต่งไว้อย่างเรียบง่าย มีผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาชมอยู่ไม่ขาด เพราะการเดินทางมานั้นสะดวก ด้านหน้ามีร้านอาหารตั้งอยู่เรียงราย คล้ายเป็นย่านเล็กๆ สำหรับผู้คนมาพบปะพูดคุย สังสรรค์อยู่เหมือนกัน
ถนน Nowy Świat เป็นถนนที่ทอดยาวไปถึง Old town ตลอดเส้นทางจะมีร้านหนังสือ ร้านอาหาร รวมไปถึงร้านดอกไม้ อาจเรียกได้ว่าเป็นถนนคนเดินก็ได้ เพราะทุกวันอาทิตย์ถนนจะถูกปิดไม่ให้รถสัญจร เพื่อให้คนเดินเล่นกันได้อย่างสบายใจ
MORNING WALKS,
MARKETS, COFFEES,
FRESH FLOWERS, BEAUTIFUL FOOD,
GREAT COMPANY.
ร้านหนังสือที่เราบังเอิญเดินเจอ เป็นร้านขายหนังสือเก่าที่ด้านในตบแต่งได้สวยมาก กรอบรูปหลายขนาดถูกแขวนสลับกันไปบนผนังจนแทบไม่มีที่ว่าง ชั้นหนังสือที่ทำจากไม้สีเข้มเข้ากลับแสงไฟสีส้มนวลๆ กลิ่นของหนังสือเก่าคละคลุ้งอยู่ทั่วทั้งร้าน เป็นกลิ่นที่หอมกว่าน้ำหอมไหนๆ เราเดินดูแม้จะไม่ได้ซื้อ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมใจ เป็นที่ที่เราอยากจะนั่งอยู่นานๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องไปไหนซะก่อน
A ROOM WITHOUT BOOKS
IS LIKE A BODY WITHOUT SOUL.
— CICERO
The Royal Łazienki Park
สวนสาธารณะที่ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะธรรมดา เพราะในทุกวันอาทิตย์ของหน้าร้อน รอบอนุเสาวรีย์ Chopin จะจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งขนาดใหญ่ ที่บรรเลงด้วยเปียโนและเชลโล โดยมีเหล่านักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นแวะเวียนกันมาบรรเลงดนตรี สิ่งที่ทำให้เราประทับใจจนขนลุกคือทุกคนเงียบและตั้งใจฟังมาก เงียบจนเราได้ยินเสียงเปียโนชัดเจน เงียบเสียจนทำให้เราคิดว่าแค่เสียงการลั่นชัตเตอร์ของเราอาจเป็นการก่อกวนเวลาพักผ่อนของทุกคน
สำหรับที่นี่ช่วงหน้าร้อนคือเวลาที่ดีที่สุด เราชอบสวนสาธารณะแห่งนี้มากๆ เพราะรู้สึกว่าทุกคนให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ ให้เกียรติเสียงเพลงจากศิลปิน ทุกครั้งที่การแสดงหนึ่งจบลง จะได้ยินเพียงเสียงปรบมือดังกังวาลไปทั่วทั้งสวน ซึ่งเป็นภาพที่น่ารัก ตรึงใจจนอดไม่ได้ที่จะบันทึกลงไปในเมมโมรี่เลยล่ะ
BE WITH SOMEONE WHO ALWAYS WANTS TO KNOW HOW YOUR DAY WAS.
— WORLD PORN
Soho Factory
เป็นเหมือนศูนย์อาหาร ที่ดูจากภายนอกให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโรงงาน หรือโกดังเก่าๆ เพราะที่นี่เคยเป็นโกดังเก่านั่นแหละ เป็นที่ที่ชาวโปแลนด์มักจะมาทานอาหารกลางวัน และเดินเล่นดูนิทรรศกาลหมุนเวียนต่างๆ มีงานศิลปะที่ถูกจัดไว้ในจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ หากอยู่ที่ไทยก็คงเรียกได้ว่าเป็นถิ่นของเหล่าคนออกแบบและเสพงานศิลป์ได้เลย
Myślewicki Palace
สวนสาธารณะที่เคยเป็นวังมาก่อน ตัวสวนถูกจัดอย่างสะอาดสวยงาม ตามทางเดินเราอาจจะเห็นนกยูงกำลังรำแพงหางหาคู่ เดินหยอกกับดอกไม้ที่ปลูกไว้ทั่ว เป็นแหล่งพักผ่อนที่ดีเยี่ยมอีกที่นึง
Fotoplastykon Warszaski
พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายโบราณเกี่ยวกับโปแลนด์ ภาพที่จัดแสดงจะเสมือนเป็นภาพสามมิติที่แสดงให้เราเห็นผ่านมุมมองแปลกใหม่ โดยด้านในจะเป็นที่นั่งวงกลมรอบเครื่องฉายและให้เราส่องเข้าไปดู ภาพจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าใครชื่นชอบภาพถ่ายโบราณที่สะท้อนประวัติศาสตร์ของเมืองเก่านี้ แนะนำให้มาที่นี่เลย
Rising Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ สมัยที่โปแลนด์แพ้สงครามให้กับโซเวียต หรือสมัยที่ฝ่ายพันธมิตรเข้ามาช่วยเหลือ ความเศร้าที่ยังคงเป็นไอลอยมวลอยู่ในอากาศ เหมือนคอยสอนเราให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความสูญเสีย หลายสิ่งไม่น่าจดจำ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เกิดการเติบโตในหลายๆ อย่าง แม้ในครั้งนี้จะไม่มีไกด์คอยอธิบายตามทาง แต่เราก็อ่านเรื่องราวต่างๆ ได้ผ่านป้ายเล็กๆ ที่มีติดอยู่รอบห้อง
Port Czerniakowski
แหล่งนั่งพักผ่อนหย่อนใจในหน้าร้อนของชาวโปแลนด์ จากจุดนี้เราสามารถเช่าเรือลำละ 100 ยูโรเพื่อแล่นออกไปรับลมและดูพระอาทิตย์ตกกันกลางแม่น้ำได้ บริเวณริมแม่น้ำมีทั้งร้านขายเครื่องดื่ม เตียงผ้าใบ ผู้คนที่กำลังตกปลาหรือแม้แต่คนที่พาสุนัขมานั่งเล่น บรรยากาศทุกอย่างของที่นี่ทำให้มันกลายเป็นจุดที่เราชอบมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งเลย
Keret’s house*
เคยจินตนาการมั้ยว่า คนเราสามารถอยู่ได้ในพื้นที่ที่เล็กที่สุดเท่าไร หากนึกไม่ออกอยากให้มาดูบ้านนี้ บ้านที่มีความกว้างเพียงแค่กางแขนออก บ้านหลังนี้ถูกออกแบบโดยนักออกแบบชาวโปแลนด์ Jakub Szczesny ด้วยความยาวด้านกว้างที่สุดเพียง 122 เซนติเมตรทำให้ได้รับการจดบันทึกว่า เป็นบ้านที่แคบที่สุดในโลก
บ้านเล็กซึ่งแทรกตัวอยู่ในระหว่างอาคารขนาบทั้ง 2 ด้าน ใจกลางของกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์นี้ เดิมทำหน้าที่เป็นบ้านพักชั่วคราวของนักเขียนชาวอิสราเอล Etgar Keret ที่มักจะต้องเดินทางไปทำงานตามเมืองต่างๆ อยู่บ่อยครั้งข้างในถูกออกแบบให้มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว มีเตียงนอนที่พอดีตัว ถ้าใครกลัวความแคบอาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อย แต่เราชอบอยู่ในที่เล็กๆ เอาเข้าจริงๆ มันก็น่าอยู่ไม่น้อยนะเพราะข้างในตบแต่งเอาไว้พร้อมทุกอย่างเลย
ปัจจุบันที่นี่ไม่มีคนอยู่แล้ว กลายเป็นเพียงงาน Installation Art ซึ่งถ้าใครอยากมาลองเที่ยวหรือมาลองพัก ก็สามารถอีเมลไปบอกความต้องการกับเค้าได้ ถ้าเค้าเห็นว่ามันโอเคเค้าถึงจะเปิดให้เข้าชม โดยมีค่าเข้าพักประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น
University of Warsaw Library and Garden
ที่นี่เป็นห้องสมุดที่ออกแบบให้เป็นเหมือนเรือนกระจกหรือเรือนเพาะชำ เราชอบที่นี่มากแม้ว่าจะร้อนไปหน่อย แต่เรื่องการออกแบบนั้นทำออกมาได้อย่างลงตัว พื้นที่อาคารส่วนใหญ่เป็นกระจกและโดมเล็กๆ ดาดฟ้าด้านบนมีสวนที่สามารถเดินเล่นได้โดยรอบ
Museum of Vistula River
คือ Contemporary Art Museum ที่ตอนนี้กำลังจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ mermaid โดยรวบรวมเอางานศิลปะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับนางเงือกมาจัดแสดง มีทั้งการฉายจอโปรเจคเตอร์เกี่ยวกับนางเงือก เสียงดำน้ำหลอนๆ และสื่อผสมหลากหลายแบบให้เราได้ชม
FOOD IN WARSAW
Krakow
เมืองเก่าของโปแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองมาจากวอซอร์ ที่นี่มีตึกและผังเมืองที่น่าสนใจ ความเก่าแก่อันเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิม ภาพด้านล่างนี้คือ Wawel Castle (Wawel Hill) อยู่ติดกับแม่น้ำวิสทูลา Vistula ในเมือง Krakow โดยตัวปราสาทได้ถูกบูรณะมาหลายต่อหลายครั้งตามความชอบของผู้ที่ปกครองในเวลานั้นๆ การซ่อมแซมจึงผ่านฝีมือนายช่างมาหลายต่อหลายคน เลยทำให้เกิดการผสมผสานของศิลปะหลากหลายรูปแบบ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคงเป็นยอดโดมที่แตกต่างกัน แต่ถูกสร้างขึ้นผสมกันไป จนกลายเป็นความสวยงามแปลกตาอีกรูปแบบหนึ่ง
เสียงดนตรีดังคลอมาแต่ไกล พาเราเดินตามมันมาจนเจอกับอุโมงค์เล็กๆ ที่มีแผ่นเสียงขายเต็มไปหมด เราทั้งตกใจและดีใจมาก ขอบคุณตัวเองที่เดินตามเสียงเพลงมาจนเจอ
I’M IN LOVE WITE CITIES I’VE NEVER BEEN TO
AND PEOPLE I’VE NEVER MET.
Rynek Glowny Square City Centre
รถม้าที่เคลื่อนตัวอยู่รอบๆ และรถรางที่วิ่งวนอยู่ทั่วเมือง ช่วยเพิ่มสีสันและเสน่ห์ให้กับสถานที่แห่งนี้มากขึ้นไปอีก เราเห็นผู้คนออกมาเดินเล่นใช้ชีวิตกันอย่างครึกครื้นในหน้าร้อน มีอย่างหนึ่งที่ทำให้เราชอบและขนลุกก็คือหอระฆังที่เล่นเพลงบอกเวลาได้ไม่จบเพลง ประวัติของมันบอกไว้ว่าในสมัยก่อน ที่หอระฆังแห่งนี้จะมีคนออกมาเป่าแตรเพื่อบอกเวลาในทุกชั่วโมง แต่มีครั้งหนึ่ง ขณะที่เพลงบอกเวลากำลังถูกบรรเลงและยังไม่ทันจบก็เกิดเหตุการณ์ข้าศึกบุกโจมตี ธนูดอกหนึ่งบินเข้าจบชีวิตนักดนตรีท่านนั้นและทำให้เพลงบอกเวลากลายเป็นเพลงที่ยังไม่ทันได้จบ ปัจจุบันเพลงที่ยังไม่จบก็ยังถูกบรรเลงออกมาเสมอ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับชาวเมืองและผู้คน และทุกครั้งที่เพลงนี้หยุดทำนองของมันลง เราจะได้ยินเสียงปรบมือหรือโห่ร้องตามมาด้วย มันทำให้เมื่อเราได้ยินเสียงแตรนี้ทีไรก็ขนลุกทุกที
THINK OF THE HAPPIEST THINGS.
IT’S THE SAME AS HAVING WINGS.
— PETER PAN
Schindler’s factory Museum
มิวเซียมซึ่งดัดแปลงมาจากโรงงานผลิตอาวุธสงครามจริงๆ ของ Oskar Schindler นักอุตสาหกรรมชาวเยอรมันที่อดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคนาซี แต่ชินด์เลอร์ผู้นี้กลับเป็นผู้ที่ได้ช่วยชีวิตชาวยิวเอาไว้มากกว่าพันคน เรารู้จักชินด์เลอร์จากหนังเรื่อง Schindler’s List ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของเราเลย ที่นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ
I has to help them.
There was no choice.
— Oskar Schindler
เราเดินอยู่ในนี้พร้อมกับฟังคำบรรยายต่างๆ มีทั้งความเศร้าปนเคล้าไปกับความเข้าใจ ชินด์เลอร์ผู้เป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ได้ต่อรองเพื่อขอสิทธิในการนำชาวยิวมาเป็นแรงงานผลิตอาวุธสงคราม หากแต่เบื้องหลังนั้นที่นี่เองคือโอกาสที่ทำให้ชาวยิวนับพันคนอาศัยเป็นที่หลบพักและพ้นจากการถูกส่งตัวไปทรมานยังค่ายกักกันอื่นๆ
“Stern, if this factory ever produces a shell that can actually be fired,
I’ll be very unhappy.”
— Schindler’s List (1993)
ในมิวเซียมจะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ โซน เช่นรถรางจำลอง รวมไปถึงจุดปั๊มโปสการ์ดและทุกๆ ช่วงจะบอกเล่าเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์ให้เราเรียนรู้ได้ลึกซึ้งกว่าเดิม เช่น วันสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การจำกัดสิทธิของชาวยิวและชาวโปแลนด์ ตลอดจนเรื่องราวความเป็นอยู่ของชาวยิวและผู้หลบหนีในเวลานั้น ถือว่าเป็นมิวเซียมที่ให้ความรู้ในช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่สองได้ดีมาก
เหมืองเกลือ Wieliczka Salt mine
ห่างจาก Krakow ประมาณ 15 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้เริ่มผลิตเกลือตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ. 2007 ก่อนถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013 ในตอนแรกเราจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ว่าภายใต้บ้านหลังนี้ จะมีเหมืองเกลือที่ใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง และยังถูกบันทึกว่าเป็นเหมืองเกลือที่เก่าที่สุดในยุโรปด้วย
ความลึกทั้งหมดของที่นี่มีมากถึง 9 ชั้น แต่เราสามารถเข้าชมได้แค่3 ชั้น ซึ่งเพียงเท่านี้เราก็ใช้เวลาไปกว่าค่อนวันแล้ว เราเดินลงไปตามบันไดอย่างที่เห็นในภาพ มันลึกเสียจนไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึง พอลงไปถึงชั้นล่าง อากาศก็เย็นขึ้นนิดหน่อย นอกจากนี้เรายังได้ทดลองชิมเกลือตามกำแพงต่างๆ ด้วย
จุดสำคัญของที่นี่ที่ทุกคนมาต้องห้ามพลาดคือ St. Kinga’s Chapel เป็นห้องที่ทุกอย่างทำจากเกลือ แชนเดอเลีย รูปปั้นต่างๆ ที่นั่ง ทำมาจากเกลือหมดเลย โดยการจะมาที่นี่ต้องจองล่วงหน้าสักพัก เพราะค่อนข้างเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวเยอะมากพอสมควร
Sieraków Manor House Hotel
โรงแรมที่มีรสชาตต้นตำหรับ Polish แท้ๆ เป็นโรงแรมที่เหมือนเป็นบ้านเก่ามาก่อน ด้านบนยังคงตบแต่งเหมือนเป็นบ้านพักอาศัย ให้ความรู้สึกเหมือนมานอนเล่นบ้านคุณปู่คุณย่า ด้านล่าง เจ้าของโรงแรมยังสะสมไวน์ชั้นดีไว้เยอะมากๆ และอาหารก็ราคาไม่แพงด้วยนะ ถูกเสียจนเราตกใจ และที่นี่ก็เป็นที่ที่ยืนยันอีกครั้ง ว่าค่าครองชีพในโปแลนด์ ถูกมาก
Market Underground Museum
มิวเซียมที่บอกเรื่องราวตั้งแต่พื้นดิน ถนน ไปยันสิ่งก่อสร้างต่างๆอย่างละเอียด ที่นี่จำลองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้มากมาย มีการเก็บตัวอย่างเครื่องประดับ และยังมีถนนโบราณที่ปัจจุบันทรุดตัวลงไปอยู่ด้านใต้ ทางมิวเซียมจึงได้รักษาไว้ให้เราศึกษาด้านโครงสร้างต่างๆอย่างสมบูรณ์
Zalipie ; Wroclav
เรานั่งรถออกจาก Krakow เพื่อมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่น่ารักที่สุดในโปแลนด์ เราไม่เถียงเลยเพราะเราเองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ที่รถเริ่มเคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้าน ผนังบ้านเรือนที่เริ่มเต็มไปด้วยลวดลายรูปดอกไม้ และมันปรากฎให้เห็นในทุกที่ที่สามารถเพนท์ได้
ต้นกำเนิดคือหญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้าน ต้องการเพนท์ลายดอกไม้เพื่อทับคราบเขม่าควันที่เกิดจากการทำอาหาร และเริ่มเกิดการเพนท์ต่อกันไปเรื่อยๆ ทุกวันจนมันกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำหมู่บ้านไปเลย
เราได้มาบ้านของคุณยายท่านนึง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราเป็นอย่างมาก บ้านเล็กๆ หลังนี้เต็มไปด้วยลวดลายดอกไม้จากฝีมือของคุณยาย Danuta Dymon
แม้จะเป็นเพียงบางส่วนของสิ่งที่คุณยายทำ แต่กลับสามารถบอกเล่าถึงเรื่องราวหลายๆ อย่างออกมาได้อย่างน่าประหลาด สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท ความตั้งใจ จากการได้ทำในสิ่งที่คุณยายรัก ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาไปนานขนาดไหนในการสร้างผลงานเหล่านี้ ความพิถีพิถันที่คุณยายใส่ลงไปด้วยทำให้เรารับรู้ได้ถึงความสุขที่เจืออยู่ในทุกๆ ฝีแปรงที่จรดลงไป
“This is my paradise” ประโยคสั้นๆ จากคุณยายที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นนั้น ช่วยให้เราเข้าใจได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้มีความสุขกับสิ่งที่ทำในชีวิตที่ผ่านมาและที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้มากแค่ไหน
“Your art is not about
how many people like your work.
Your art is about if your heart
likes your work,
if your soul like your work.
It’s about how honest you are with yourself
and you must never trade honesty for reliability.”
คุณยายเล่าเรื่องของตัวเองออกมาอย่างเรียบง่าย เริ่มต้นด้วยการตื่นแต่เช้า และคิดเพียงว่าวันนี้จะวาดอะไร แล้วตั้งใจทำมันออกมาทีละชิ้นๆ จนหมดวันลง ผลงานของคุณยายที่ปรากฎออกมา มันทำให้เราได้เห็นถึงการหลอมรวมกันของชีวิต และจิตวิญญาณที่คนหนึ่งคนเพียรทำอยู่ทุกวี่วันได้อย่างชัดเจน โดยมีสิ่งที่ยืนยันเป็นการที่คุณยายยังคงทำมันต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
โชคดีจริงๆ ที่เราได้พบกับคุณยาย Danuta Dymon อาจพูดได้ว่าเธอเป็นคนธรรมดาที่ดูมีความสุขไปกับสิ่งที่ตัวเองทำมากที่สุดคนหนึ่ง เรายกให้เธอเป็นศิลปินในดวงใจอีกคน ศิลปินผู้ผูกพันกับศิลปะที่เธอรัก อย่างที่แยกจากกันไม่ได้
ส่วนที่นี่ คือบ้านของหญิงคนแรกที่เริ่มเพนท์ดอกไม้ ทุกอย่างยังถูกเก็บไว้ด้วยสภาพที่คงเดิมอย่างดี
Wrocław
เมืองหลักอีกเมืองของโปแลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองนัดพบที่สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรปเพราะอยู่ติดกับประเทศเยอรมันและเช็ก ทำให้สถาปัตยกรรมต่างๆ มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกัน เมืองนี้มีย่าน Old town ที่ใหญ่และยังมีสะพานข้ามแม่น้ำที่เยอะสุดๆ อีกด้วย
NOW YOU UNDERSTAND
WHY PETER PAN DIDN’T WANT TO GROW UP .
— LIFE
ที่นี่มีสิ่งน่ารักๆ ก็คือรูปปั้นคนแคระ ตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการประท้วงอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับการเมืองในสมัยก่อน และถูกแสดงออกมาในเชิงสัญลักษณ์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นกิมมิกเล็กๆ ประจำเมืองไปแล้ว
เราเดินเลียบแม่น้ำ Oder ผ่านมหาวิทยาลัย ผ่านตึกต่างๆ ที่นี่มีตึกสวยงามเรียงรายกันตลอดริมฝั่งแม่น้ำ เป็นเมืองที่สวยมากจริงๆ
Panorama Racławicka painting
ภาพวาดประวัติศาสตร์แบบ 360 องศา ในทุกๆ รอบจะมีคนคอยอธิบายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านรูปภาพที่ละเมียดสวยงามด้วยฝีมือของศิลปินชั้นครู ช่างถือเป็นความตระการตาจริงๆ
เมืองนี้ในสมัยก่อนเหมือนเป็นเมืองที่คนร่ำคนรวย ขุนนาง เศรษฐีทั้งหลายมาอยู่อาศัยหรือใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ จึงทำให้มีคฤหาสน์และปราสาทอยู่มากมาย ครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมถึงสามปราสาทด้วยกัน นั่นก็คือ Leśnica Castle, Topacz Castel, Książ Castel
Leśnica Castle
ในปัจจุบันตัวปราสาทได้ถูกปรับปรุงนำมาเป็นร้านอาหาร แต่ก็ยังคงความสวยงามแบบดั้งเดิมเอาไว้อยู่ด้วย ซึ่งปราสาทเหล่านี้ไม่ได้ถูกตกทอดมาตามวงตระกูล แต่จะเป็นการซื้อขายต่อกันมา หากไร้ผู้ซื้อและถูกปล่อยไว้ ปราสาทก็จะตกเป็นของรัฐบาลทันที
Topacz Castel
ถูกดัดแปลงมาให้เป็นพิพิธภัณฑ์และแหล่งจัดงานอีเว้นท์ โซนด้านล่างชั้นใต้ดินไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เราจึงยังเห็นโครงสร้างทั้งหมดจากสมัยก่อน ชวนให้นึกภาพตามถึงครั้งที่ปราสาทแห่งนี้ยังมีชีวิต มันคงเป็นสถานที่ที่สวยงามมากเลยทีเดียว
Książ Castel
ปราสาทหลังสุดท้าย เป็นที่ที่เราตะลึงตั้งแต่เห็นด้านหน้า เพราะความใหญ่โตของที่นี่ และตอนที่เราได้ฟังประวัติของปราสาท ความยิ่งใหญ่ของผู้คนที่เคยอยู่ ว่าสถานที่นี้มีเจ้าของเพียงสี่คน นอกนั้นอีกสี่ร้อยกว่าชีวิตเป็นคนรับใช้ ภายในมีห้องโถงอันโอ่อ่า มีหน้าต่างหลายบานเรียงรายกันเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาถึง มีพื้นที่สำหรับรองรับนักดนตรีเพื่อบรรเลงเพลงในยามที่มีแขกมาเยือน หรือในเวลาที่เจ้าของบ้านต้องการความสุนทรีย์ ทุกอย่างมันเหมือนภาพหนังสมัยโบราณที่เราเคยเห็น
จินตนาการว่าในตอนนั้นมันคงจะยิ่งใหญ่มาก ต่อมาภายในของปราสาทนี้ถูกทำปรับปรุงขึ้นมาใหม่ เพราะตอนที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หัวหน้าหรือแม่ทัพแห่งพรรคนาซี นั้นต้องการยึดที่นี่เพื่อเป็นบ้านพัก จึงทำการเจาะรื้อถอนไปหลายส่วน แต่สงครามนั้นกลับจบลงก่อนที่ฮิตเลอร์จะทันได้ย้ายมาอยู่ ที่นี่จึงถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ก่อนรัฐบาลจะมาค้นพบและบูรณะขึ้นใหม่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์
Hydropolis Centre
พิพิธภัณฑ์น้ำ ตอนแรกเราไม่เข้าใจว่าน้ำจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ได้อย่างไร แต่ที่นี่ก็ทำให้เราประทับใจจากการไม่คาดหวังนี่แหละ มันเหมือนเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนุก มีเกร็ดความรู้อะไรสอดแทรกอยู่เต็มไปหมด ในอาคารมีเรื่องราวของทิศทางลม มีอะไรให้เล่นด้านในเยอะมากเลย
St. Mary Magdalene’s Church
เรากลับมาในเมืองและเตรียมพร้อมเดินขึ้นไปด้านบนของโบสถ์เพื่อชมวิวทั้งหมดของเมือง
เป็นเวลาเกือบสิบวันที่ผ่านไปเมื่อมาอยู่ที่นี่เราคงบอกได้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี อิ่มเอมใจ ยากที่จะเรียงออกมาเป็นคำพูดได้หมด แต่ละวันที่ได้เดินเที่ยวเล่นในย่านเมืองเก่า เจอร้านหนังสือ ร้านแผ่นเสียงโดยไม่คาดคิด ได้เดินทางไปหลายเมือง ซึมซับประวัติศาสตร์ความเป็นมาต่างๆ แลกเปลี่ยนรอยยิ้มตลอดจนบทสนทนากับเพื่อนใหม่ สร้างมิตรไมตรีที่น่ารัก ทุกวันเริ่มต้นและจบลงอย่างสวยงาม
ในครั้งต่อไป ถ้าหากใครจะแวะเวียนไปโซนยุโรป ก็ห้ามพลาดที่จะแวะเข้าไปที่โปแลนด์ รับรองว่าทุกอย่างถูกมากๆ สถาปัตยกรรมก็สวยมากๆ
โปแลนด์จะถูกบันทึกไว้ ว่าเป็นประเทศที่น่ารักมากสำหรับเรา ทุกอย่างประกอบกันจนทำให้เรายากจะลืม ณ วันนี้ที่เราอยู่บ้าน ก็ยังคงนึกถึงสิ่งที่เราพบเจอ รายังคงสุขใจทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงเสียงหัวเราะที่มีอยู่ตลอดการเดินทางครั้งนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
With love,
from Mars.
สนับสนุนการเดินทางโดย : สถานทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย
NOTE
- การเดินทาง ยังไม่มีบินตรงจากไทย แต่สามารถนั่งสายการบิน กาต้าร์หรือเอมิเรท แวะพักที่โดฮาหรือดูไบ แล้วเลือกเส้นทางบินตรงต่อไป WARSAW ได้เลย
- ถ้ามาจากประเทศอื่น สามารถนั่ง FLIXBUS หรือบัสอื่นๆ มาจากทางเยอรมัน ปาร์ก เวียนนา หรือประเทศรอบๆ ได้หมดเลย
- การโดยสารภายในประเทศมีรถไฟใต้ดินที่ใช้สะดวกมาก แต่ถ้าอยากเที่ยวนอกเมืองครบๆ ก็สามารถเช่ารถพร้อมคนขับได้
- อาหารการกิร ถูกปากมาก ไม่เลี่ยนไม่น่าเบื่อ และยังราคาถูกมากด้วย
- เตรียมเสื้อผ้ามาให้ตรงกับฤดูที่จะมาด้วยนะ มุมถ่ายรูปที่นี่สวยและเยอะมากด้วย
- ค่าเงิน แลกมาเป็นดอลล่าร์ก่อนแล้วค่อยมาแลกเป็นเงินโปแลนด์ที่นี่ก็ได้
- ENJOY ! ขอให้ทุกคนสนุกกับประเทศแห่งนี้ เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันเถอะ 🙂