Bali, Indonesia
Thalassophile
(n.) a lovers of the sea, some one who love the sea, ocean.
อีกครั้งของการเดินทางที่แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ทำให้เราได้มิตรภาพน่ารักใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย
ครั้งแรกที่ได้มาบาหลี เป็นการมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเท่าไหร่อีกแล้ว เก็บกระเป๋าอย่างรีบๆ
หอบตัวเองไปยังสนามบินแต่เช้าตรู่ ด้วยสายการบิน AirAsia ที่มีบินตรง ดอนเมือง – บาหลี ทุกวัน ในช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ รู้ตัวอีกทีเสียงกัปตันดังขึ้นมาเพื่อบอกว่าเรากำลังจะถึงบาหลี มองนาฬิกาก็ได้เวลา 11 โมงพอดี ถือว่าเป็นเวลาดี พร้อมเที่ยว เรารีบไปรับสัมภาระ และขึ้นรถ เตรียมไปพบกับเกาะอันเต็มไปด้วยมนต์ขลังและเสน่ห์แห่งอารยธรรมเก่าแก่ ท่ามกลางท้องน้ำทะเลสีฟ้าใส
พอเดินออกจาก Gate สิ่งแรกที่สะดุดใจคือสนามบินที่นี่เป็นแบบ open air โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้รับและถ่ายเทลมได้อย่างสบาย แม้จะเป็นวันที่แดดแรงแต่เรากลับไม่ร้อนหรือเหนียวตัวเลยสักนิด เมื่อรถที่ติดต่อไว้มาถึง เราทุกคนโยนกระเป๋าขึ้นเบาะหลังด้วยหน้าตาพร้อมแล้วสำหรับวันแรกในบาหลี
วันแรกเราพักกันที่ Ubud ซึ่งห่างออกไปจากสนามบินค่อนข้างไกล เราเลยใช้เวลาเที่ยวรอบนอกกันก่อน เราแวะทานข้าวและทานของหวานเพื่อเติมพลังกัน
Day 1
Canggu, Bali
ข้าวเที่ยงมื้อแรกที่ร้าน Betelnut Cafe
ร้านอาหารเล็กๆ ที่ภายนอกอาจดูธรรมดาแต่บรรยากาศภายในบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเองมากเลยทีเดียว ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูแต่ละอย่างถูกคิดและจัดมาอย่างดี มีทั้งอาหารแนว Fusion และแบบพื้นเมืองให้เลือกทาน ด้วยความที่บรรยากาศเป็นเหมือนบ้านเล็กๆ ชวนให้รู้สึกอบอุ่น จึงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่ไม่ขาดเลย
อาหารหลักของที่นี่คือข้าวส่วนมากจะมาพร้อมกันกับซอสเผ็ดๆ หวานๆ และมีกลิ่นหอมๆ ของสมุนไพร แต่รสชาติจะไม่จัดจ้านอย่างอาหารไทย ของทานเล่นของที่นี่จะเหมือนข้าวเกรียบบ้านเรา กินแล้วเพลินจนหยุดไม่ได้เลย สำหรับเราแล้วชอบอาหารของที่นี่มาก ทานได้อร่อยทุกอย่างเลย หมดเกลี้ยงทุกมื้อ
Organic cafe
อร่อยมาก ของหวานที่คนรักสุขภาพต้องชอบแน่ๆ ผลไม้นานาชนิดที่ถูกปั่นรวมกันผสมโยเกิร์ตและกราโนล่า เสิร์ฟมาเย็นๆในกะลามะพร้าวสีน้ำตาล พร้อมแต่งหน้าด้วยผลไม้ต่างๆ อย่างกล้วย สตอเบอรี่ มะม่วง มาอย่างบรรจง เราลองสั่งมา 3 เมนู อร่อยทุกเมนูเลย ทานแล้วสดชื่น คลายร้อนได้ดีเลย
Tanah Lot Temple
หนึ่งในวัดเก่าแก่ของบาหลี สร้างขึ้นตามความเชื่อของนักบวชชาวฮินดูเพื่อบูชาเทพแห่งท้องทะเล เราชอบชื่อของวัดนี้ที่แปลได้ว่า “Land in the sea” เพราะตัววิหารตั้งอยู่บนโขดหินริมฝั่งทะเล และเมื่อถึงเวลาที่น้ำทะเลหนุนขึ้นจนล้นแนวหินที่เป็นทางเดิน ตัววิหารจะกลายเป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ที่ตั้งเด่นอยู่กลางน้ำ พี่ที่มาด้วยกันเล่าให้ฟังว่าตามตำนานที่เล่ากันต่อๆ มาว่ากันว่าน้ำทะเลที่พัดผ่านเข้ามายังช่องโขดหินนี้จะกลายเป็นน้ำจืด ที่ด้านล่างของวิหารจึงเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทดิ์ มีพราหมณ์ฮินดูคอยทำพิธี เราเดาว่าเป็นการให้พรแก่ผู้ที่มาสักการะ ทุกคนจะแตะน้ำขึ้นมาลูบหน้า จากนั้นพราหมณ์จะนำข้าวสารมาแต้มที่หน้าผากของเรา และทัดดอกไม้ให้
Abendrot
(n.) the color of the sky while the sun is setting.
ตอนที่เราไปถึงนั้นเป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี คลื่นน้ำระยิบระยับพัดมากระทบเข้ากับโขดหิน กระเซ็นเป็นละอองขึ้นมาเป็นระลอก พระอาทิตย์ดวงกลมสีส้มลอยลงมาใกล้ขอบฟ้าทุกที บอกว่าใกล้เวลาหมดวันลงแล้ว เราจ้องมองไปที่สุดขอบทะเล รอจนแสงอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงไปในพื้นน้ำ ท้องฟ้าสีส้มแก่ตัดกับเงาวิหารและผู้คนได้ดี เราอธิบายความรู้สึกในเวลานั้นได้ไม่ถูกเลย ทั้งสวยงาม และสะกดใจไปพร้อมๆ กัน
Day 2
Ubud
Jatiluwih, Bali
Rice Fields
ที่ Jatiluwih ทุ่งนาสีเขียวที่ปลูกเรียงกันเป็นขั้นบันได ทอดยาวไปตามภูมิศาสตร์ของหุบเขา ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ของบาหลีเป็นเนินและภูเขา การเพาะปลูกจึงปรับไปตามสภาพภูมิประเทศ น่าเสียดายที่ข้าวในนายังไม่ถึงช่วงตั้งท้อง ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นภาพที่สวยและอลังการภาพหนึ่งได้เลย ตอนที่ไปถึงฝนตกลงมาพรำๆ พอได้ใกล้ชิดธรรมชาติก็พลอยทำให้ร่างกายของเราที่เหนื่อยมาจากการทำงานผ่อนคลายลงไม่น้อย
Tibumana Waterfall
บันไดเล็กๆ ทอดตัวยาวลงไปตามเนินเขา พาเราเดินเลาะลงมาไม่นาน ก็ได้ยินกับเสียงน้ำตกเหมือนเป็นการต้อนรับ ไอความสดชื่นที่ลอยเข้ามาปะทะใบหน้า บรรยากาศรอบๆให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เหมือนกับที่ใครหลายคนให้คำนิยามน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกลับแห่งบาหลี” ฝนที่ตกทำให้เหล่าพืชเล็กใหญ่รอบด้านดูเขียวชอุ่ม เสียงจากธรรมชาติ และธารน้ำที่เย็นสดชื่น เหมือนเชิญให้เรากระโดดเข้าใส่มันอยู่ตลอดเวลา
Besakih Temple
วัดหลวงแห่งเกาะบาหลีที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่และยาวนานที่สุด ซึ่งยังคงถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีและจัดประเพณีของชาวฮินดูมาจนถึงทุกวันนี้ ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยวัดย่อยอีกหลายแห่งจนได้ชื่อว่าเป็น “Mother Temple” หรือวัดแม่แห่งวัดทั้งหลายของเกาะบาหลี
Besakih temple ตั้งอยู่บนเชิงภูเขาอกุง (Mount Agung) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะบาหลี วันที่เราไปนั้นฝนตกเกือบตลอดเวลา ทำให้หมอกลอยลงปกคลุมไปทั่วบริเวณ จึงมองเห็นเพียงเงาหลังคาสูงของวัดไล่เรียงลำดับสลับกัน เหมือนกับหลุดเข้าไปอยู่นครหมอกยังไงอย่างนั้นเลย
Trita Empul Temple
วัดนี้ อยู่ค่อนไปทางตอนเหนือของเกาะบาหลี วัดแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยียนอย่างแน่นหนา ก่อนเข้าบริเวณวัดเราต้องเปลี่ยนเป็นใส่ผ้าถุงก่อน เมื่อเข้ามาบรรยากาศข้างในนั้นร่มรื่น เพราะมีต้นไม้ใหญ่เรียงรายคอยให้ร่มเงา ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ทั้งนักท่องเที่ยวและคุณป้าผู้น่าทึ่งที่แบกของไว้บนหัวได้ง่ายเหมือนกับว่าตะกร้านั้นเบาราวขนนก
ที่กลางวัดจะเป็นพื้นที่สำหรับประกอบพิธี ถัดไปก็คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สระน้ำสีฟ้าที่โรยไปด้วยกลีบดอกไม้ สายน้ำจะไหลออกมาจากท่อเรียงไปเป็นแนวยาว ผู้คนจากหลากหลายที่เข้าแถวยาววนกันเพื่อรออาบน้ำ เหนือด้านบนแนวกำแพงที่น้ำไหลออกมาจะมีกระทงใส่ดอกไม้ เครื่องบูชาต่างๆ วางอยู่เต็มไปหมด เป็นภาพอันชวนมองและน่าหลงไหลอยู่ไม่น้อย
Kuta market
Seminyak, Bali
เมืองชายทะเลที่ขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย เราเดินเล่นในแถวย่านที่เป็นตลาด มีร้านค้าน่ารักและคาเฟ่อยู่เต็มไปหมดทุกตรอกซอกซอย เราแวะทานอะไรรองท้องกันที่คาเฟ่เล็กๆ กลิ่นกาแฟและขนมปังหอมๆ ลอยคลุ้งไปทั่วตั้งแต่ริมถนนเลยหล้ะ
KUTA Beach
นอกจากย่านตลาดแล้วที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าคนที่สนใจในเซิร์ฟบอร์ด และการเซิร์ฟครั้งแรกของเราก็เร่ิมขึ้นที่นี่แหละ เราเรียนที่โรงเรียนสอนเล่นเซิร์ฟ Qiuck Silver School คุณครูสอนและแนะนำการเล่นให้เข้าใจได้ง่าย เมื่อพอได้ลองเล่นก็บอกได้คำเดียวว่า ติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้นเลย เข้าใจทันทีว่าทำไมนักเซิร์ฟทั้งหลายจึงหลงไหลการโต้คลื่น เมื่อเวลาที่ตัวเรายืนอยู่ผิวน้ำเคลื่อนผ่านไปบนเกลียวคลื่นมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ จนบรรยายออกมาได้ไม่หมดถ้าไม่ได้ลองด้วยตัวเอง
ใครที่ได้มาบาหลีอย่าพลาดเชียว
Single Fin Beach, Uluwatu***
ใครที่มีโอกาสได้มาเยือนบาหลีไม่ควรพลาด Ulueatu แห่งนี้ เพราะทิวทัศน์ทะเลของที่นี่นั้นสวยสะกดจิตตรึงใจเรามาก เหล่าผู้คนพร้อมบอร์ดคู่ใจที่กำลังวิ่งเข้าหาเกลียวคลื่นซึ่งซัดเข้าชายฝั่ง ทำให้หาดแห่งนี้เป็นหาดที่มีชีวิตชีวามากแห่งหนึ่งเลย เรานั่งมองคลื่นสีฟ้าลูกใหญ่ม้วนขึ้นสูง เหล่านักเซิร์ฟที่กำลังยืนบนกระดานลอดผ่านเกรียวทะเลออกมาอย่างไม่ลดละสายตา เพลินจนเวลาล่วงเลยไปแบบไม่รู้ตัว
To sit in silence at the shore,
watch the waves and hear the surf,
is to appreciate the very breath
and heartbeat of the earth.
-Doe Zantamata
Uluwatu Temple
วิหารชาวฮินดูแห่งนี้ตั้งอยู่บนผาสูงที่ยื่นตัวออกไปยังทะเล ชื่อของมันถูกตั้งตามตำแหน่งที่ตั้งคือ Ulu ที่แปลว่าขอบ และ Watu ที่แปลว่า หน้าผาสูง ความสวยงามของที่นี่คงความเด่นสง่าของตัววิหารตามแบบสถาปัตยกรรมของบาหลี
และเมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงการแสดงของชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า Kecak ก็เริ่มต้นขึ้น นักแสดงมากมายจะออกมานั่งล้อมวง โยกตัวไปมาพร้อมกับเสียงร้องคะชัก คะชัก โดยไร้ซึ่งเครื่องดนตรีประกอบ การแสดงเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ ตอนพระรามตามหานางสีดาที่ถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวไป เรื่องราวดำเนินไปด้วยความสนุก นักแสดงสื่อความรู้สึกต่างๆ ผ่านทางสีหน้าและดวงตาออกมาได้อย่างลึกซึ้งจนเรารู้สึกตามไปด้วย ด้านหลังฉากการแสดงคือซุ้มประตูสองฝั่งที่เว้นไว้ได้อย่างพอดิบพอดีกับดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตก นี่เองมนต์ขลังแห่งอารยธรรมของเกาะแห่งนี้
Sea Collection ;
“because there is nothing more beautiful than the way the ocean refuses to stop kissing the shoreline, no matter how many times its sent away.”
-Sarah Kay
แล้วเวลา 4 วัน 3 คืนของเรากับบาหลีก็จบลงไป การเดินทางครั้งนี้เหมือนได้ Re-charge ตัวเองอย่างเต็มที่ หลังจากที่เราเหน็ดเหนื่อยจากงานและการเดินทางไกลในทริปอื่นๆ บาหลีเป็นที่ที่เพิ่มพลังของเราได้อย่างดี ก่อนที่จะมาเราคิดว่าบาหลีจะมีแค่วัด หรือว่าทะเลที่คล้ายบ้านเรา แต่จริงๆ บาหลียังมีอะไรที่ซ่อนไว้อยู่อีกมากมาย ความประทับใจครั้งนี้น่าจะเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากถึงมากที่สุด สิ่งปลูกสร้างอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว แม้จะเข้าในโซนเมืองไปแล้ว เราก็รู้สึกถึงธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา แล้วยิ่งเราเองเป็นคนที่ชอบภูเขาและทะเลมาก แต่ถ้าอยู่ไทยอาจจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลาจะเดินทาง แต่ที่บาหลี ทั้งภูเขาและทะเลอยู่ใกล้กัน ครบเลย อีกทั้งที่นี่ก็มีทะเลที่สวยมากจริงๆ ถ้ามีโอกาสเราคงต้องกลับมาอีกแน่นอน
NOTE
- งบประมาณในระยะเวลา 4 วัน 3 คืน คือ 8,000 บาท ไม่รวมค่าเครื่องบิน เพราะที่นี่ อาหารและที่พักถูกมาก เช่นพูลวิลลาที่เราพัก ชื่อ UBUD HEAVEN หลังละ 3,000 เท่านั้น ค่ากิจกรรมต่างๆ ก็แล้วแต่สถานที่นั้นๆ ค่าเข้าตามวัดต่างๆ มีบ้างบางวัด ถ้ามีก็จะไม่แพง
- บินตรงดอนเมือง – บาหลี ได้ทุกวัน ด้วยสายการบิน AirAsia ที่เป็นสายการบินชั้นประหยัดซึ่งมีเที่ยวบินมากที่สุด เราคอนเฟิร์มว่า แอร์ใจดี อาหารบนเครื่องอร่อย และมีโปรโมชั่นมาให้เราได้กดจองตั๋วเรื่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ตอนนี้ทางแอร์เอเชียเพิ่มเวลาใหม่ ไปถึงบาหลีตอนตี 1 เตรียมหาบ้านพักแล้วเริ่มเที่ยวตอนเช้า หา Breakfast แบบ Local Food ทาน ก็เป็นการเริ่มต้นวันที่ดีเยี่ยมเลยนะ
- การเดินทาง เช่ารถพร้อมคนขับจะสะดวกมาก ไม่แพง ไม่เกิน 1,500 ต่อวัน และถ้าไปกันเยอะๆ ก็หารถูกลงไปอีก
- สถานที่ที่รีวิวมา เป็นเหมือนเช็คพอยท์ ที่ทุกคนต้องไปเยือนเลยนะ โดยเฉพาะ Single Fin ไม่ไปนี่เหมือนมาไม่ถึงบาหลี
- อาหารทานไม่ยาก เราเป็นคนทานอาหารยาก แต่อยู่ที่นี่รสชาติคล้ายประเทศไทยมาก ไม่ต้องกังวลเลย
- เสื้อผ้า แต่งตัวชิวๆ สบายๆ อากาศคล้ายเมืองไทยแต่ช่วงเช้าและเย็นจะเย็นกว่าหน่อย ร้อนชื้น แต่ไม่เหนียวตัวมากนะ
ภาพสวยมากๆเลยค่ะ เป็นประเทศที่วัฒนธรรมน่าสนใจ ทำต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า หนูจะคอยติดตามต่อไปนะคะ^^