YOUNG MILD
WILD HEART
FREE SOUL
อีกครั้งหนึ่งแล้วที่เราได้มีโอกาสมายังเทศกาล Wonder Fruit เทศกาลแห่งปีที่ทำให้ผู้คนหลากหลายได้มาพบปะและปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ผ่านเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ทั่วทั้งงานอย่างไม่หยุดหย่อน
เราคืออีกคนหนึ่งที่เชื่อเสมอว่า ดนตรีนั้นไร้พรมแดน และดนตรีคือภาษาที่สามารถใช้เปิดใจมนุษย์ให้เข้าหากันได้ และที่งานนี้ก็ย้ำความคิดของเราได้ดีมากทีเดียว ผู้คนมากมายจากหลายที่เดินทางมายัง Wonder Fruit บางคนใช้งานนี้เป็นที่แสดงออกความเป็นตัวเอง บางคนใช้งานนี้เป็นที่ปลดปล่อยความรู้สึก โดยที่มีอย่างหนึ่งร่วมกันคือการให้ดนตรีเป็นตัวนำอารมณ์ของเราไป และเปิดใจให้กับช่วงเวลาแห่งความสนุกนี้
เวทีและบูทต่างๆ ถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงามพร้อมกับการแสดงหลายรูปแบบที่ชวนให้เราทั้งตื่นตา พิศวง และสนุกสนานไปกับเรื่องราวที่ผู้แสดงถ่ายทอดออกมา
และบูทนึงที่ประทับใจเราไม่ต่างจากปีที่แล้วเลย ซึ่งหากมางานนี้ก็ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยก็คือบูท Sangsom Moonlight Lounge ครั้งนี้เสมือนยกดวงจันทร์มาไว้กลาง WonderFruit แสงที่สาดเข้ามาถูกปรับเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา บูทถูกจัดตั้งไว้กลางงานอย่างโดดเด่น เราเห็นผู้คนที่มีความชื่นชอบเดียวกันต่างแวะเวียนเข้ามากันอย่างไม่ขาดสาย เรานั่งมองสีไฟที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเพลิดเพลิน สีแล้วสีเล่ามันช่างเติมเต็มวันหยุดของเรากับเทศกาลนี้ได้ดีจริงๆ
MOON BEAMS
” And if you are to love,
love as the moon loves;
it dose not steal the night—
it only unveils the beauty
of the dark. “
MOON DUST IN YOUR LUNGS,
STARS IN YOUR EYES,
YOU ARE A CHILD OF THE COSMOS,
A RULER OF THE SKIES.
WONDERER
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น Main stage ที่รวมเอานักร้องดังจากต่างประเทศอย่าง Khruangbin รวมไปถึงวงอื่นๆ ที่หาดูยากมาไว้ในงานนี้ ซึ่งหากใครที่เป็นคอเพลงและแฟนคลับของวงเหล่านี้แล้วอยากตามไปดูให้ครบทุกวง คงต้องใช้เวลาเป็นปีกันเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้มาเทศกาลนี้เป็นปีที่สอง Wonder Fruit ไม่ใช่แค่งานเทศกาลธรรมดา แต่คือพื้นที่ที่ทุกคนมีอิสระในการแสดงออกและมองมันให้ต่างกันออกไปได้
คงเพราะศิลปะนั้นไร้ขอบเขต ที่ Wonder fruit แห่งนี้จึงมีผู้คนมาจากหลากที่ หลากหลายแบบ หลากหลายช่วงวัยเข้ามาสนุกกัน เราได้เห็นบรรดาพ่อแม่พาเด็กๆ มาทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่เช้าจนเย็น เราเห็นคู่รักสูงวัยเดินจับมือกันไปดูการแสดงต่างๆ เราเห็นครอบครัวที่นั่งล้อมวงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไปจนถึงคู่ซี้พ่อลูกที่พากันเต้นรั่ว สำหรับเราเทศกาลนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลแห่งความสนุกและปลดปล่อยเท่านั้น แต่มันยังเป็นเทศกาลที่เชื่อมความสุขและความสัมพันธ์ของผู้คนเอาไว้ได้อีกด้วย
อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่าในงานนี้ทุกคนมีอิสระเต็มที่ในการแสดงออกและเป็นตัวของตัวเอง บางคนใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน 4 คืนนี้ไปกับการปลดปล่อยความเครียด บางคนใช้ช่วงเวลานี้ในการค้นพบบางส่วนของตัวเอง หรือแม้แต่ใช้มันกับการเชื่อมสัมพันธ์ครอบครัวและคนรัก แม้แต่เราเองช่วงเวลาที่ได้อยู่ในเทศกาลนี้ก็ช่างคุ้มค่า กับการได้เห็นได้เจอสิ่งแปลกใหม่และน่าสนใจตลอดจนงานศิลปะที่ใช่ว่าจะดูที่ไหนก็ได้ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้มา แต่เราก็ยังคงตื่นเต้นและเต็มอิ่มกับสิ่งที่เราได้รับจากงานนี้เช่นครั้งก่อน
สนุกและอิ่มใจมาก
จนกว่าจะพบกันใหม่
LOVE YOU
TO THE MOON AND BACK.
FROM MARS
ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจาก SPARK STUDIO และ WATTANA มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ