“Life is old there, older than the trees
Younger than the mountains, blowing like a breeze”
เก็บกระเป๋าไปเที่ยวกัน มีเวลาอยู่วันกว่าๆเอง จะทำอะไรได้บ้างนะ
อยากไปขับรถเล่น เปิดเพลงเพราะๆ มองวิวทุ่งหญ้า และภูเขาขนาบสองข้างทาง
มีบทสนทนาอันคุ้นเคยจากเพื่อนสนิท และมีน้องนิคนอนอยู่บนตัก มันต้องดีมากแน่ๆ
เก็บกระเป๋าไปเที่ยวกัน มีเวลาอยู่วันกว่าๆเอง จะทำอะไรได้บ้างนะ
อยากไปขับรถเล่น เปิดเพลงเพราะๆ มองวิวทุ่งหญ้า และภูเขาขนาบสองข้างทาง
มีบทสนทนาอันคุ้นเคยจากเพื่อนสนิท และมีน้องนิคนอนอยู่บนตัก มันต้องดีมากแน่ๆ
วันหยุดมีไม่มากนักในเดือนนี้ เราเลยหาที่เที่ยวกันใกล้ๆ เดินทางไปไม่ยาก
เขาใหญ่เลยเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว สำหรับหนีออกจากเมืองสักวันสองวันไปเปลี่ยนบรรยากาศซะหน่อย Road Trip เล็กๆ ครั้งนี้เราขับรถ Mitsubishi Mirage ไปกับเพื่อนสนิท และมีนิค (น้องหมา) ไปด้วยดีใจที่ได้มีเวลาพานิคไปเที่ยวสักที เคยสัญญากันเอาไว้หลายเดือนแล้ว
เพราะด้วยเราเองก็ทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ได้เล่นด้วยกัน ครั้งนี้เลยถือโอกาสอุ้มขึ้นรถ
พาไปเขาใหญ่ด้วยสะเลย
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในวันเสาร์บ่ายๆ สมาชิกครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน
พอจัดการเตรียมของต่างๆ แล้วก็แวะรับทุกคน เมื่อโยนของลงท้ายรถกันเรียบร้อย
เราก็มุ่งหน้าตรงสู่จังหวัดนครนายกทันที
บรรยากาศดีๆ ที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ปนหัวเราะ คำหยอกกันของเพื่อนๆ มีมาให้ได้ยินตลอดทาง ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ เราสลับกันขับรถกันเป็นช่วงๆ เพื่อจะได้ผลัดกันมานั่งเปิดเพลงและดูเส้นทาง บางคนนั่งแพลนว่าวันนี้จะไปที่ไหรบ้าง และแพลนของเราทั้งหมดก็คือ
ปล* ตอนที่ขับเข้าอุทยานแห่งชาติ ห้ามสัตว์เลี้ยงส่วยตัวเข้าไปนะคะ แม้จะไม่ลงจากรถก็ตาม เราควรฝากไว้ที่ที่พักหรือให้บางส่วนนั่งรอที่คาเฟ่ด้านนอกน้า
เพลย์ลิสโปรดถูกเปิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเราแต่ละคนสลับกันเป็นดีเจไปเรื่อยๆ
ดีมากที่ฟังชั่นในรถสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของเราได้เลย
และหากมีสายเข้าเราสามารถกดรับสายจากหน้าจอได้เลย
แถมมีลิสรายชื่อในโทรศัพท์ของเราที่เชื่อมต่อ
อยู่ในนี้แล้ว สะดวกมากๆ สำหรับคนที่ขับรถไม่ต้องเอามือคว้าหาโทรศัทพ์เลย
PIROM CAFE
เราเริ่มต้นกันที่ Pirom Cafe ที่ดูแล้วออกจะเหมือน Gallery เสียมากกว่า ที่นี่ถูกจัดไว้เสมือนบ้านหลังนึงที่มีไว้ต้อนรับแขกที่มาเยือน วันที่เรามามีบรรยากาศชื้นหน่อยๆ จากฝนที่เพิ่งหยุดตก อากาศจึงกำลังเย็นสบาย ต้นไม้เขียวชอุ่มที่อยู่รอบๆ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนพึ่งผลิใบใหม่ๆ Pirom Cafe หาไม่ยากเลยเสิร์ชชื่อใน google map ก็ได้ หรือจริงๆ แล้ววิ่งตามถนนหลักมาเรื่อยๆ ก็เจอแล้วหละ
ทางร้านตบแต่งด้วยต้นไม้เล็กใหญ่อยู่ล้อมรอบ มีโซนที่นั่งทั้งด้านนอกและด้านใน ตัวอาคารเป็นไม้สีเข้มเข้ากับบรรยากาศรอบๆ กาแฟก็รสชาติอร่อย ละมุนลิ้นใช้ได้เลย เราเลยใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปอยู่ที่นี่นานพอสมควร
YELLOW SUBMARINE CAFE’
หลังจากเราขับรถออกมาจาก Pirom Cafe เพียงแค่ 15 นาทีก็ถึงคาเฟ่อีกที่หนึ่ง คาเฟ่ที่มีชื่อเหมือนกับเพลงโปรดที่เราฟังกันมาตลอดทาง Yellow Submarine Cafe ที่นี่สวยและถูกใจเรามากๆ โครงสร้างที่ออกแบบมาเรียบๆ เน้นใช้สีดำเป็นหลักตัดได้ดีกับเหล่าต้นไม้โทนสีส้มที่เหมือนกำลังจะผลัดใบ เฟอนิเจอร์ที่ขึ้นสนิมเป็นลวดลายเฉพาะตัวแฝงไปด้วยเสน่ห์
สรุปแล้วเราชอบที่นี่เอามากๆ กลิ่นขนมอบหอมๆ ลอยมา ชวนให้เราลิ้มลอง
ฝนพร่ำลงมาปรอยๆ ในมือเรามีขนมรสชาติอร่อย นั่งอยู่ท่ามกลางคาเฟ่สวยๆ แบบนี้
ทำให้เราพักหลบฝนอยู่ที่นี่ซะนานเชียว
The Birder’s Lodge Café
ออกจาก Yellow Submarine Cafe และอีกสิบนาทีกว่าๆ เราก็มาถึงจุดหมายในคาเฟ่ถัดมา The Birder’s Lodge Café ด้วยเวลาใกล้พลบค่ำพอดี
นอกจากคาเฟ่ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยแล้ว ที่ชอบและถูกใจมากๆ คงเป็นโซนโกดังไม้เก่า ด้านในขายของ homemade ผัก ผลไม้ และต้นไม้น่ารักๆ มากมาย มีทั้งดอกกุหลาบ และสมุนไพรต่างประเทศต้นเล็กๆ อย่างเปปเปอร์มิ้นท์ โรสแมรี่ ด้วยความที่เป็นคนชอบซื้อของ
เราจึงได้ผลไม้และต้นไม้ติดมือออกมาอย่างรวดเร็ว จริงๆ ความสุขมีได้ง่ายๆ แค่เดินเล่น
ไปพร้อมกับหยิบมะเขือเทศจิ๋วเข้าปากไปด้วย
“To plant a garden is to believe in tomorrow.”
ถัดไปไม่ไกลมากเราบังเอิญเดินมาเจอร้านขายของเก่า ด้านในมีตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านน่ารักๆ และเสื้อผ้ามากมาย เห็นแล้วแถบจะอยากซื้อกลับไปแต่งบ้านตัวเองให้หมดเลย เดินเพลินๆ กันสักพักฟ้าก็มืดลงเสียแล้ว เราเลยบอกลาที่นี่และขับรถเข้าไปยังที่พัก
ร้านขายของเก่าที่เจ้าของสะสมไว้เป็นงานอดิเรก มีแต่ของน่ารัก น่าซื้อเยอะแยะมากมาย
เดินได้ไม่นาน ก็ต้องรีบออกก่อนที่จะหมดตัวอยู่ที่นี่
ท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงเพราะพระอาทิตย์ใกล้ตกดินทุกที เราจึงรีบขับรถเข้าที่พัก
ระหว่างทางก็เปิดเพลงและร้องคลอๆ ไปด้วยกัน

So long you did me wrong
Yeah you can walk your long legs baby right out of my life
So long you did me wrong
On Hill Villag ; Khao Yai
เราพักที่ On Hill Village เพราะสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ เมื่อมาถึงเราถูกต้อนรับโดยพี่เตี้ย ลักษณะเหมือนกับหมาลาบราดอร์แต่สูงน้อยกว่า จึงเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง หลังจากเช็คอินรับกุญแจเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับรถออกจาก Reception เพื่อไปยังบ้านพัก บ้านของเราตั้งอยู่บนเนิน จะมองเห็นวิวภูเขาและต้นไม้รอบๆ ได้ทั่ว โดยมีพี่เตี้ยติดตามมาด้วย เมื่อเก็บของเข้าที่เข้าทางแล้ว เราก็ออกมานั่งเล่นกันที่ริมระเบียง อากาศเย็นมีลมพัดเอื่อยๆ ตลอดเวลาทำให้บรรยากาศยิ่งดีกับบทสนทนา เราคุยกันไปมากเรื่องต่างๆ นาๆ จนรู้สึกว่าเปลือกตาเริ่มหนักขึ้น เราจึงขอตัวออกจากวงไปนอนก่อน


you are my sunshine, my only sunshine
you make me happy when skies are grey
you’ll never know dear, how much I love you
Please don’t take my sunshine away…☀
เราเล่นกันบนเตียงสักพักก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา เพื่อออกไปเดินเล่นด้านนอก วิวภูเขาและต้นไม้นั้นรายล้อมที่พัก เราพานิคเดินเล่นไปตามถนน ถ่ายรูปเล่น เก็บใบไม้ดอกไม้มาเล่นและทับลงสมุดตามประสา เมื่อแดดเริ่มร้อนขึ้นเราจึงกลับเข้าที่พัก เพื่ออาบน้ำเก็บของ และไปทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้
“Sunlight, the most precious gold to be found on Earth.”
และนี่คือที่พักของเราในยามเช้า สวยมากๆเลยหละ ถ้าใครมีสัตว์เลี้ยงมาและอยากหาที่พักดีๆ เราแนะนำที่นี่เลยนะ

เมื่อทานข้าวเช้าจนอิ่มกันแล้ว เรานั่งกินบรรยากาศและกาแฟกันสักพัก ก็ Check out คืนกุญแจห้อง บอกลาพี่เตี้ย และคุณน้าแม่บ้านที่ดูแลพวกเราอย่างดี เตรียมขับรถคันเก่งของเรา
ไปเที่ยวต่อ
เราขับรถออกมาจากที่พักระหว่างทางเจออะไรสวยๆ น่ารักๆ ก็จะจอดรถและวิ่งลงไปถ่ายรูปเล่นอย่างที่ทำเป็นประจำโดยส่วนมากก็จะไม่พ้นดอกไม้ ใบหญ้า แพ้อะไรแบบเป็นพิเศษ มาเขาใหญ่ในครั้งนี้ทำให้รู้เลยว่า วิวระหว่างทาง สวยมากๆ
No matter how chaotic it is,
wildflowers will still spring up in
the middle of nowhere— Sheryl Crow
เมื่อออกมาจากที่พักเราก็มุ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เราลดกระจกลงเพื่อรับลมจากด้านนอก นิคดูจะชอบที่สุดกับการยื่นหน้าออกไปปะทะกับลม
โชคดีที่รถ Mitsubishi Mirage ที่มากับเราครั้งนี้ ทรงตัวและเกาะถนนดีมาก
เวลาเข้าโค้งหรือขึ้นเขาก็นิ่มไม่ส่ายโครงเครงหรือทำให้เวียนหัว ขับได้สบายไม่เหนื่อย
มองวิวสองข้างทางเพลินตาเพลินใจ และเราก็มาจอดกันที่อ่างเก็บน้ำ ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นเยอะมากเลย
All my memories, gather round her
Modest lady, stranger to blue water
Dark and dusty, painted on the sky
Misty taste of moonshine, teardrop in my eye— Country Road
อ่างเก็บน้ำ
เราจอดรถแวะพักกันใต้ต้นไม้ เพื่อจัดของท้ายรถใหม่ซะหน่อย เผื่อแวะซื้อของฝากตอนขากลับลงมา ไม่น่าเชื่อว่า Mitsubishi Mirage จะจุของได้มากกว่าที่เราคิด ทั้งกระเป๋าเป้ ต้นไม้ และของใช้จุกจิก สามารถเก็บลงได้อย่างง่ายดาย และยังเหลือที่สำหรับของฝากได้อีกด้วย
อ่างเก็บน้ำอยู่ภายในอุทยาน มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก เราก็แวะเก็บรูปกันในแสงที่ใกล้พระอาทิตย์จะตก ถือว่าเป็นอีกที่ที่ถ่ายรูปสวยมากเลย
ไร่ดอกทานตะวัน
เรากลับลงมาจากอุทยาน แวะซื้อของฝากระหว่างทางกลับบ้านคนละอย่างสองอย่าง ขับรถมาพักนึงเราก็มาถึงจุดหมายถัดไป มาหยุดแวะถ่ายรูปเล่นกันที่ไร่พราวตะวัน ดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามบานเงยหน้ารับแสงอาทิตย์ เป็นทุ่งทานตะวันที่กว้างและใหญ่มาก เมื่อมองไปทั่วทั้งทุ่งก็เห็นแต่สีเหลืองสดสว่างไปจนสุดสายตา
“She fell so naturally into my arm
like a flower to the sun.”
ดอกทานตะวันสีเหลืองสดหลายพันต้นเมื่อเจอกับแดดย่ามบ่ายยิ่งทำให้ทั่วทั้งทุ่งกลายเป็นสีเหลือง ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เมื่ออยู่ท่ามกลางดอกทานตะวันจึงทำให้เรานึกถึง Vincent van Gogh สำหรับเราดอกทานตะวันเป็นเหมือนกับดอกไม้ประจำตัวของเค้าเลย เห็นทีไรต้องนึกถึงทุกที
“ ….the peony is Jeannist, the hollyhock belongs to Quost,
but the sunflower is somewhat my own”— Vincent’s letter to Theodore
DEAN & DELUCA
หลังจากเจอแดดร้อน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพเราจึงแวะหาน้ำเย็นๆ กันก่อนที่ Dean & Deluca
ที่อยู่ในโครงการ AKAS Khaoyai ตัวร้านจะเป็นเหมือน Pop Up Cafe โดยจะที่นั่งเป็นโซน Out Door
แต่ร่มรื่นด้วยต้นไม้มากมาย และด้านในยังติดกับทุ่งดอกหญ้าสีขาว ที่คอยปลิวลู่ไปตามจังหวะลมที่พัดมา
วิวด้านหลังรอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ เราสั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้ว ชาผลไม้หอมกลิ่นเบอรี่ทำให้เราสดชื่นจากอากาศร้อนๆ ข้างนอก เมื่อถ่ายรูปเล่น และนั่งพักกันจนรู้ตัวอีกทีตะวันก็คล้อยลงต่ำจะลับฟ้าแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราจะต้องกลับกันแล้ว เราเดินออกมา กระโดดขึ้นรถคู่ทริปครั้งนี้ บอกลาเขาใหญ่และมุ่งหน้ากันกลับกรุงเทพ
ที่สำคัญ ขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาด้วยกันครั้งนี้ แม้เวลาจะสั้นมากแต่ก็สนุกและมีแต่เรื่องให้หัวเราะตลอดทาง และรถ Mitsubishi Mirage ที่พาเราไปพักผ่อน ได้มีช่วงเวลาดีๆ ตลอดสองวันที่ผ่านมา ถ้าใครไม่มีแพลนจะไปไหนในเวลาจำกัดแบบนี้ เราอยากให้ลองมาเที่ยวเขาใหญ่ เก็บกระเป๋าหอบน้องหมามาเปลี่ยนบรรยากาศนอนเล่นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
With love,
from Mars