you got a fast car
I want a ticket to anywhere
maybe we make a deal
maybe together we can get somewhere
anyplace is better
starting from zero got nothing to lose
maybe we’ll make something
me, myself I got nothing to prove
— Fast Car
การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ถือเป็นการมาพักผ่อนและใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เราเลือกมา เนื่องจากเดินทางง่ายและ
บวกกับตัวเราที่ให้มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
เราวางแผนกันง่ายๆ ธรรมดาและไม่ได้คาดหวังอะไร นอกจากเก็บเกี่ยวบรรยากาศ
มองวิวข้างทาง หาอาหารอร่อยกินเท่านั้นจริงๆ
ภาพเกือบทั้งหมดมาจากกล้องฟิล์ม บางรูปก็ตั้งใจถ่าย
และบางรูปก็ถ่ายอย่างสะเปะสะปะไปบ้าง แต่รวมๆ แล้วก็ชอบทั้งหมดนะ
คงเพราะเสน่ห์ของกล้องฟิล์มคือรูปที่ได้ออกมามันเป็นตัวแทนของช่วงเวลา
ที่เราอยากจะเก็บมันเอาไว้จริงๆ
ครั้งนี้เราปักหมุดลงไว้ที่ Nagoya / Gifu / Matsumoto / Nagano
ระยะเวลา 6 วัน เราได้ใช้เวลาในตัวเมืองน้อยมาก
เพราะว่าตัดสินใจเช่ารถเพื่อขับข้ามไปยังเมืองใกล้เคียงต่างๆ
และตั้งใจเสพบรรยากาศแบบธรรมชาติกับเมืองเก่าเป็นหลัก
ในส่วนข้อมูลของที่พัก สภาพอากาศและการเดินทางเราอธิบายไว้ให้ที่บทความสุดท้ายนะ 🙂
Nagoya (名古屋)
นาโกย่าในสายตาของเรานั้นเป็นเมืองใหญ่
แต่ทว่าดูไม่วุ่นวายเท่าเมืองหลวงอย่างโตเกียว
และเป็นเดือนธันวาคม ด้วยอุณหภูมิเลขตัวเดียว ทุกครั้งที่ลมหนาวปะทะมา
ทำให้เราต้องคอยกระชับเสื้อให้แน่นขึ้นเสมอ
ญี่ปุ่นยังคงเป็นญี่ปุ่น มันจะกลิ่นของบรรยากาศที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
บ้านเรือน ผู้คน ร้านค้า สถานีรถไฟ มันเป็นเสน่ห์ที่เราหลงรัก และน่าคิดถึงไม่น้อย
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มาประเทศนี้ แต่ก็ยังดีใจและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้กลับมาเที่ยว
เมื่อเก็บของไว้ที่ Glocal Nagoya Backpackers Hostel ที่พักของเราเรียบร้อย
เราจึงพูดคุยกับโฮสและสอบถามถึงร้านอาหาร
หรือย่านที่เค้าแนะนำ เมื่อได้แผนที่กระดาษและจุดหมายอยู่ในมือแล้ว
เราก็ออกมาเดินเล่นตามย่านซื้อของที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ
จนมาถึงโซน Yanagibashi Central Market ที่โฮสบอกเอาไว้
ตลาดปลาอันเป็นที่นิยมของทั้งคนพื้นถิ่น และนักท่องเที่ยว
กลิ่นไอทะเลลอยมาเตะจมูก อาหารทะเลสดๆ เรียงรายไว้ให้ผู้คนจับจ่าย
ใกล้กันในบริเวณนั้นก็จะมีร้านซูชิ และร้านอาหารอื่นๆ มากมายให้เลือกเข้าไปทาน
เราเลือกร้านที่เดินใกล้ที่สุด แต่ด้วยเป็นช่วงใกล้เที่ยงคนจึงเยอะ และต้องรอคิวยาวหน่อย
แต่ด้วยราคา และความอร่อยนั้นคุ้มค่าแก่การรอคอย
ซูชิทุกคำถูกปั้นออกมาอย่างพอดีคำ ปลาเนื้อนุ่มแทบละลายในปาก
กลิ่นหอมผิวส้มยูซุที่ค้างอยู่ในปาก ยิ่งทำให้คนทานเจริญอาหาร
เชฟที่ร้านยิ้มแย้ม และคอยบริการอย่างดีตลอดมื้อที่แสนอร่อยนี้
ปราสาทนาโกย่า Nagoya Castle
So remember we were driving, driving in your car
Speed so fast I felt like I was drunk
City lights lay out before us
And your arm felt nice wrapped ’round my shoulder
I had a feeling that I belonged
I had a feeling I could be someone, be someone, be someone
วันรุ่งขึ้นเราตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยหิมะสีขาวที่โปรยปรายลงมา
เราเก็บของและเตรียมย้ายเมือง มุ่งหน้าสู่เขต Toyama
ครั้งนี้เราเดินทางโดยเช่ารถส่วนตัว เนื่องจากย้ายไปหลายเมืองที่
อยู่ห่างกันค่อนข้างไกล และยิ่งเป็นช่วงวันหยุดแล้วด้วย
รถสาธารณะที่คอยบริการนั้นจำกัดรอบและผู้คนก็ต่างออกมาใช้วันหยุดกันมากมาย
เราขนกระเป๋าและขนมที่ตุนไว้กินเล่นระหว่างทางขึ้นรถ
และก็เริ่มออกเดินทางไปยัง Shirakawa-go หมู่บ้านเก่าแก่มรดกโลกที่ใครๆ ก็คงเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
ด้วยความงดงาม และเสน่ห์แบบดั้งเดิม ที่นี่จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ที่ทั่วทั้งหมู่บ้านจะกลายเป็นสีขาวจากหิมะ
วิวข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากตัวเมืองเป็นภูเขา และป่าสนสีเขียว
หิมะที่ค่อยๆ โปรยปรายในทีแรก เริ่มตกหนักขึ้นจนเราต้องชะลอความเร็วลง
ไม่นานภูเขาลูกสีเขียว และริมทางที่ขนาบข้างเรามาตลอดเส้นทาง ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะ
เราสัญญาณอันบ่งบอกว่าเราใกล้ถึงที่หมายแล้ว และต้องความระมัดระวังในการขับรถมากขึ้น
and I can’t hide beneath my sheets
I’ve read the words before so now I know
the time has come again for me
and I’m feelin’ the same way all over again
feelin’ the same way all over again
singin’ the same lines all over again
Shirakawa-go (白川郷)
เรามาถึงพร้อมกับหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก
และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาในวันเดียวกัน
เมื่อจอดรถเรียบร้อย เราเดินเข้าไปยังตัวหมู่บ้าน
แม้พายุหิมะจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะมองอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
แต่บรรยากาศของที่นี่ยิ่งดึงดูดให้เราเดินเข้าไป
เหมือนทุกอย่างอยู่ในช่วงหลับไหล สองข้างทางกลายเป็นสีขาวโพลนไปจนสุดสายตา
แม่น้ำ พื้น กิ่งก้านของต้นถูกทับถมไปด้วยกองหิมะ และเมื่อเดินข้ามสะพานมา
เราก็เริ่มมองเห็นบ้านไม้โบราณหลังคาสูง ทรงสามเหลี่ยมเรียงรายกันทอดยาวตลอดเส้นทาง
Day in December
“The fall is here again
snow fall softly down to the ground,
slowly without a sound.
The earth slept into white below
above the cold sky shone.
here is the pleasure time of the year.”
ฤดูกาลเปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่ธรรมชาติสร้าง
ให้โลกของเราสวมใส่ แต่ละช่วงเวลาที่ผลัดเปลี่ยนนั้น
มีความงดงาม และเสน่ห์ที่ต่างกันไป
สำหรับหมู่บ้านนี้ฤดูหนาวยิ่งทำให้ที่นี่งดงาม และเต็มไปด้วยมนต์ขลังน่าหลงไหล
เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ร่วงลงมากระทบใบหน้าเราอย่างแผ่วเบา
เราเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะ และมุ่งหน้าสู่เมือง Takayama
eyes wide open
always hoping for the sun
and she’ll sing her song to anyone
that comes along
fragile as a leaf in Autumn
just fallin’ to the ground
without a sound
crooked little smile on her face
tells a tale of grace
that’s all her own
— Seven Year
Takayama (高山市)
เมืองเล็กๆ ที่ถูกโอบด้วยอ้อมกอดแห่งขุนเขาและสายน้ำ
มากล้นไปด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างบรรยากาศกลิ่นอายของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
และความเจริญของสมัยใหม่ไว้ด้วยกันอย่างแนบเนียน
ด้วยช่วงที่เราไปเป็นปลายเดือนธันวาคม
หิมะที่ตกแทบตลอดเวลา ทำให้เมืองนี้ถูกปกคลุมไปด้วยปุยสีขาว
เรานอนที่ Takayama KShouse ซึ่งไม่ไกลจากย่านเมืองเก่า
ใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีจากที่พักก็จะเจออาคารบ้านไม้โบราณ
อายุนับร้อยปี ที่น่าประทับใจคือบ้านเรือนต่างๆ ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้
ถนนทั้งเส้นถูกเรียงรายไปด้วยร้านค้าขายของฝาก ของทำมือ
หรือบางร้านก้ขายดังโงะ หรือเนื้อย่างเสียบไม้บนเต่าถ่าน
กลิ่นหอมก็จะลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น จนต้องกลืนน้ำลายกันเมือเดินผ่าน
และบางร้านก็จะเป็นโรงบ่มสาเก หรือเบียร์ที่ขึ้นชื่อของเมือง
ใกล้ๆ กันเราแวะตลาดเช้าจินยะมาเอะ (Jinya-mae Morning Market)
ที่เราตั้งใจมากลับไม่คึกคักเหมือนอย่างปกติ
เพราะสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เพลิดเพลินกับผู้คนที่ยังคงสู้หิมะ
ออกมาเดินเล่นซื้อช่อดอกไม้ ใบสนรวงข้าวสาลีเพื่อเอากลับไปแขวนหน้าบ้าน
ตามประเพณีเดิมที่สืบทอดกันมา เป็นดั่งสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นปีใหม่
ช่อประดับพวกนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องรางที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้าน
สะพานแดง Nakabashi Bridge
สีขาวของหิมะยิ่งขลับให้สะพานสีแดงสดโดดเด่นสะดุดตาแต่ไกล
ต้นไม้ที่รายล้อมตัวสะพาน ตอนนี้ผลัดใบทิ้งเหลือแต่กิ่งก้านที่โดนทับถมไปด้วยหิมะ
เกล็ดน้ำแข็งละเอียดเล็กๆ ร่วงหล่นลงไปรวมกับแม่น้ำด้านล่าง ที่ค่อยๆ ไหลอย่างเอื่อยเชื่อย
บรรยากาศทุกอย่างดูสวยสงบ ทั้งเยือกเย็นและนุ่มนวลในคราวเดียวกัน
หากใครได้มีโอกาสแวะเวียนที่เมือง Takayama แล้วละก็
อย่าลืมลิ้มลองของขึ้นชื่อพื้นถิ่นอย่างเนื้อฮิดะย่างบนใบโอบะด้วยเตาถ่าน
กลิ่นหอมของมิโซะเข็มข้น ที่ค่อยๆ ละลายซึมเข้าไปในเนื้อ
เมนูแบบดั้งเดิมที่รสชาติละมุน หอมกรุ่น นุ่มลิ้นละลายในปาก จนสั่งเพียงจานเดียวไม่ได้
เมื่อตกบ่ายเราจึงเคลื่อนตัวออกจากเมือง เพื่อย้ายที่พักขึ้นไปนอนบนเขากัน
เมื่อเป็นฤดูหนาวระยะเวลากลางวันจึงสั้นว่าปกติ
เมื่อเรามาถึงโรงแรม พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว
คืนนี้เราฝากตัวไว้ที่ Takayama Okada Ryokan
บริเวณที่เราพักเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ เดินถึงกันได้ มีเพียงร้านอาหารไม่กี่ร้านที่เปิดจนถึงดึก
เราเลือกร้าน Yadorigi ที่อยู่ใกล้โรงแรมตามคำแนะนำของพนักงานที่โรงแรม
ร้านราเมงเล็กๆ รสชาติอร่อย บรรยากาศอบอุ่นแบบที่เคยเห็นในหนัง Midnight Dinner
เจ้าของร้านที่เป็นทั้งคนปรุงและคนเสิร์ฟ น้ำซุปร้อนๆ ช่วยให้ความหนาวคลายลงไป
เป็นความสบายตัวและท้องเข้ามาแทนที่
would you promise to be true
and help me understand
’cause I’ve been in love before
and I found that love was more
than just holding hands
if I give my heart to you
I must be sure
from the very start
that you would love me more than her
— If I Fell
แสงจางๆ ของพระอาทิตย์ส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาทักทายว่ารุ่งเช้ามาถึงแล้ว
เรารีบตื่นขึ้นมาดูวิวรอบๆ ที่ตั้งตาอดใจรอ
เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว
และเมื่อเปิดหน้าต่างออก ภาพตรงหน้าก็สะกดสายตาเราเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้
ฟ้าโปร่งเป็นสีน้ำเงินเข้ม แสงของพระอาทิตย์สองลงมากระทบกับสีขาวของหิมะ
สะท้อนเป็นประกาย เราถูกโอบล้อมอยู่ท่ามกลางหุบเขา
ฤดูหนาวเปลี่ยนให้สีของภูเขาเป็นสีน้ำตาลของต้นไม้ที่ละทิ้งใบจนหมด
สลับเป็นร่องขาวของหิมะ กำลังละลายลงด้วยไออุ่นของดวงอาทิตย์
could never die
as long as I have you near me
bright are the stars that shine
dark is the sky
I know this love of mine
will never die
and I love her
— And I Love Her
นี่คือพี่มู่ รถคู่ใจที่พาเราให้ไปถึงตามจุดหมายที่ต่างๆ ดั่งใจในการเดินทางครั้งนี้
Send All My Love
เราแวะส่งโปสการ์ดฝากความคิดถึงและคำอวยพรปีใหม่ที่ตู้ไปรษณีหน้าร้านขายของชำเล็กๆ
ก่อนออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไป
cause I would go the distance for you, baby
I’d travel ’round the world if you would let me
I’ll meet you where the sun it always shines
you’re on my mind, all the time
we are not wasting this
— Good Together
Nagano 長野
เราขับรถออกจากภูเขาวิวระหว่างทางสับเปลี่ยนไปตั้งแต่
แม่น้ำ ป่าสน และเข้าสู่ตัวเมือง Mastumoto
โดยมีแนวเทือกเขาหิมะที่เรียกกันว่า เจแปนแอลป์ ขนาบข้างเส้นทางที่เราผ่าน
Matsumoto (松本)
เมืองใหญ่ในจังหวัด Nagano
วันนี้เรามีเวลาไม่มากนัก จึงตัดสินใจแวะชมเพียงปราสาทมัตสึโมโต้ Matsumoto Castle
ปราสาทไม้สีดำอายุเก่าแก่หลายร้อยปี
ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่งดงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
ด้วยอากาศเย็นจัดน้ำในสระรอบปราสาทค่อยๆ
จับตัวเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ จนเหล่าฝูงเป็ดขึ้นไปเดินเล่นได้
ต้นซากุระที่กำลังหลับไหลอย่างใจเย็น
รอคอยให้ฤดูใบไม้ผลิวนเวียนมาถึง และหอบเอาความอบอุ่นมาให้
เพื่อที่จะได้ผลิดอก ออกใบอวดโฉมอีกครั้ง
เราขับรถออกจากปราสาทอีกาดำ
และตั้งใจจะแวะวัด Zenkoji อีกที่ก่อนจะเข้าที่พัก
วัด Zenkoji เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนี้มาแต่โบราณ
ก่อนถึงศาลเจ้าด้านใน เราจะต้องเดินผ่านถนนที่ทั้งเส้นเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก
และอาหารมากมาย กลิ่นหอมที่ลอยยั่วจนยากจะห้ามใจ
พอดีกับเจอร้านที่ขายของโปรดเราอย่างหมูสามชั้นพันข้าวเสียบไม้แล้วย่างจนสุก
เลยซื้อมารองท้องสักหน่อย หมูและข้าวนุ่มๆ ร้อนๆ กับอากาศเย็นๆ
เมื่อเข้าปากไปก็ไม่มีอะไรอร่อยไปกว่านี้อีกแล้ว
ตัวโครงสร้างของศาลเจ้าหลักสร้างจากไม้ทั้งหมด และถูกแกะสลักไว้อย่างโออ่าสวยงาม
ภายในก็ตกแต่งประณีตงดงาม เมื่อเราไหว้พระขอพรจนอิ่มเอมใจแล้วก็รีบเดินออกมา
ผลัดให้ผู้คนที่มาใหม่เข้าไปด้วยเพราะเนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่
ผู้คนมากมายจึงพากันมาไว้พระและขอพรเหมือนกัน
เมื่อซื้อของฝากติดไม้ติดมือเล็กน้อย
เราก็มุ่งหน้าสู่โรงแรม Nagano hotel housei ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปอีก
ประมาณ 30 กิโลเมตร
come down and get the door for me
I’m drunk again, remember when we used to be?
Rosie
I know you said no more for me
but that was all before this dream that just came to me
come let me in
take my heart by the hand
and lead me back to your room (back to your room)
and sing me your tune (sing me your tune)
— Rosie
” พระอาทิตย์กำลังจูบลาโลกอย่างนุ่มนวล ด้วยแสงสีส้มอบอุ่น
ส่องระเรื่อทาบบนยอดภูเขา
จากนั้นก็ค่อยๆ คล้อยต่ำลงอย่างช้าๆ ลับขอบฟ้าไป “
เราพักที่ Nagano เป็นคืนสุดท้าย
ข้ามผ่านปีใหม่กันอย่างธรรมดาที่ร้านหม้อไฟ
ที่ด้านนอกหิมะยังคงโปรยปรายลงมาปกคลุมเมืองเล็กๆ ให้กลายเป็นสีขาว
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ เรียบง่าย เราอวยพรส่งท้ายปีเก่ากับครอบครัว
และใช้เวลาหลังเที่ยงคืนส่งข้อความ เฟสไทม์หาเพื่อนสนิท นั่งคุยและขอบคุณที่อยู่ผ่านอีกปีไปด้วย
และในวันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับไปใช้วันสุดท้ายของการเดินทาง
และขึ้นเครื่องบินที่เมือง Nagoya เพื่อกลับบ้าน 🙂
With love
Have a great year
—
Mars.
ข้อมูลที่พัก และการเดินทาง
ที่พัก
Nagoya
- Glocal Nagoya Backpackers Hostel
- First Cabin TKP Nagoya Station
ทั้งสองที่เป็นที่พักแบบ Hostel บริการดี เป็นกันเอง
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม มีห้องนั่งเล่น ครัวห้องทานอาหารส่วนกลางให้ใช้
ห้องนอนดีหลับสบาย สะอาดสะอ้าน ราคาดีเหมาะสม
และทั้งสองที่อยู่ใกล้ Nagoya Station เพียงไม่ถึง 15 นาที ใกล้ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อด้วย
Takayama
- K’s House Takayama クオリティーホステル ケイズハウス高山
โรงแรมเล็กๆ กลิ่นอายอารมณ์แบบญี่ปุ่นยุค 80s-90s อยู่ติดริมถนน
ตัวห้องนอนค่อนข้างเล็กกะทัดรัด มีห้องน้ำในตัว สะอาด บริการดี
และห้องนั่งเล่น ครัว ส่วนกลางให้ใช้ ที่นี่อยู่ในตัวเมืองซึ่งไม่ไกลจากย่านเมืองเก่า
และรอบๆ ก็มีร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อ ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ สะดวกสบาย ราคาก้น่าคบหา - Okada Ryokan 奥飛騨 平湯温泉 岡田旅館
โรงแรมแบบเรียวกังดั้งเดิมของญี่ปุ่น อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ
ชั่วโมงกว่าๆ แต่วิวและบรรยากาศที่ล้อมรอบนั้นดีกับใจมากๆ
เราเลือกห้องนอนใหญ่ ที่สามารถนอนกันได้หลายคน มีห้องน้ำในตัว กว้างขวาง นอนหลับสบาย
และสะอาด ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นโบราณ และในโรงแรมยังมีออนเซ็นให้บริการสำหรับแขกที่เข้าพักด้วย ในตอนเช้าจะเสิร์ฟชุดอาหารเช้าแบบข้าวกล่อง เรื่องราคาที่นี่ราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน
แต่สำหรับเราก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแลกกับความสบายที่ได้รับ และได้เสพบรรยากาศดีๆ สงบ ใกล้ธรรมชาติ
Nagano
- Hotel Housei 湯田中温泉 ホテル豊生
อีกทีที่เป็นโรงแรมแบบเรียวกัง ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณเกือบ 30 กิโลเมตร แต่กำไรก็คือวิวระหว่างทางที่ขนาบข้างไปด้วยภูเขาสูง แซมสีขาวที่ถูกหิมะปกคลุม
อยู่ใกล้กับบริเวณตีนเขาที่คนนิยมขึ้นไปเล่นสกีหิมะกัน ร้านค้า ร้านอาหารมีให้เลือกไม่หลากหลายมาก และปิดเร็ว ที่นี่เราพักห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว สะอาด กว้างขวาง นอนหลับสบายเหมือนเดิม ที่นี่ก็มีอาหารเช้าและออนเซ็นให้บริการสำหรับแขกที่เข้าพักด้วย แต่ราคาก็แอบสูงเหมือนกัน
การเดินทาง
ตลอดทั้งการเดินทางครั้งนี้เราขับรถเป็นส่วนมาก โดยเช่าจาก Nippon Rent A Car
เส้นทางของเราไปหลายเมืองมาก คำนวณราคาโดยรวมแล้วคิดว่าคุ้มกว่าการซื้อ JR Pass
และสะดวกสบายมากกว่าหากมีผู้ใหญ่เดินทางไปด้วย
สิ่งที่ต้องศึกษาและจำเป็น
- ใบขับขี่สากล
- วางแผนเส้นทาง ระยะทาง และสภาพอากาศที่จะเดินทางไป ช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูหนาว
ต้องมีขับขึ้นภูเขาและบางพื้นที่มีหิมะตกหนัก ดังนั้นตอนกดเลือกรถควรเลือกยางที่เป็นแบบ
Snow Tires ด้วย เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ - ควรเลือกจองรถผ่านเว็บไซต์ก่อนไป https://www.nrgroup-global.com/en/
โดยเราสามารถเลือกรับและคืนรถได้ตามเมืองที่เค้ามีสาขาให้บริการได้เลย - เมื่อไปรับรถเราแนะนำให้ขอ ETC Card ไว้ด้วย ทำหน้าที่คล้ายๆ Easy Pass บ้านเราเลย
จำเป็นมากๆ บัตรนี้ใช้สำหรับวิ่งบนทางด่วน ทำให้สะดวกเดินหากต้องทางข้ามเมืองหลายๆ ที่ - เมื่อไปรับรถ เราแนะนำให้ซื้อประกันการเดินทางสำหรับรถยนต์ติดไว้ด้วย ช่วยทำให้อุ่นใจและหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่ฉุกละหุกนะ